ทรงชี้ให้เห็นความสำคัญของศาสน์สมุนไพร ก็ด้วยเหตุที่พระภูมีทรงตรัสรู้ความจริงของมนุษย์ ว่า มนุษย์เป็นไปตามกรรม นั่นคือ มีกรรมนำเกิด อันหมายความว่า เมื่อตายแล้วต้องไปเกิดนั่นเอง
ด้วยกรรมนำเกิดนี้เอง ก็แปลความหมายขยายความให้ฟังว่า การกระทำในอดีต ก็จะเป็นผลในปัจจุบัน แลการกระทำในปัจจุบัน ก็จะเป็นอนาคตที่รออยู่
พูดให้ฟังง่ายที่หลวงพ่อนิพนธ์มักสอนบ่อยๆ นั่นคือ ใครทำ ใครได้ ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น ... ใครที่ว่า มนุษย์เลือกเกิดไม่ได้ นั่นแสดงว่าไม่รู้เรื่องศาสนา ... เพราะสิ่งที่เราท่านทำในวันนี้ นั่นแลคือสิ่งที่เราท่านเลือกเตรียมไว้ให้ตนเองในอนาคต
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้ฟังง่ายๆ แปลความว่า เมื่อเราเกิด ก็ด้วยอาศัย ธาตุทั้ง ๔ มาประกอบเป็นกาย ดังนั้น เมื่อครบกำหนดตามกรรมที่ทำมา ก็ต้องคืน ความรับผิดชอบต่อสภาพของ ธาตุทั้ง ๔ จึงเป็นผลที่จะไปบังเกิดในอนาคต
หากคืนดีดังเช่นที่ยืมมา นั่นก็หมายถึงวิญญาณเป็นวิญญาณที่ดี เมื่อไปเกิดใหม่ ยืมธาตุทั้ง ๔ มาประกอบสังขารอีกครั้ง ก็ได้สังขารที่ดี หากแต่เมื่อคืน กลับอยู่ในสภาพที่เละเทะ เมื่อเกิดใหม่สังขารที่ได้ ก็จะเป็นเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เอง ศาสน์สมุนไพร จึงเป็นธรรมที่พระภูมี ทิ้งไว้ให้สาวก หรือที่เรียก พุทธศาสนิกชน ที่ยังไม่หวังนิพพาน ได้ปฏิบัติ เพื่อให้การคืนธาตุทั้ง ๔ สมบูรณ์ เหมือนตอนที่ยืมมาเมื่อแรกเกิด
ผลที่จะปรากฎเมื่อทำได้ นั่นเรียกว่า ได้ มนุษย์สมบัติ นั่นคือ เมื่อวิญญาณไปเกิดใหม่ ก็ได้สังขารที่ดี ไม่มีโรค
จุดสำคัญที่พระภูมีแสดงให้เห็น คือ สมบัติประการเดียวที่ติดวิญญาณได้ นั่นคื่อ โรค
จึงไม่แปลกเลยที่ทารกเกิดมา จึงมีบัญญัติที่เรียกว่า "กรรมพันธ์" ติดมา เป็นตั้งแต่เกิด จะหลบจะเลี่ยงไม่ได้เลย
ศาสน์สมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์จึงย้ำเสมอว่า ไม่ใช่เพียงแค่ผลในปัจจุบัน หากแต่ยังผลไปยังอนาคต ไม่ว่าชาตินี้ หรือ ชาติหน้า
ดังนั้น จุดประสงค์ในการมา จึงมิควรหยุดที่สมุนไพร รวมถึง ทำไมจึงไม่มียารักษาโรค ก็เพราะสิ่งที่กำลังสู้ หาใช่โรคเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นปลายเหตุ ต้นเหตุใหญ่คือกรรม
แลสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าชนะกรรม ในโลกมีเพียงหนึ่งเดียว คือ ธรรมของพระภูมี เท่านั้น
การมาสถานที่นี้ จึงเสมือนมาหาใครสักคน ที่มีจิตใจงาม สอนให้รู้เรื่องกรรม แลชี้ช่องการปฏิบัติธรรม เพื่อช่วยตน เรียกว่า มาหามหามิตร แลควรจะสร้างความผูกพัน
เหมือนไปหาคนรัก ฉันใดก็ฉันนั้น ... เหมือนมีสายใยผูกพันกัน ต่างห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน ... ชีวิตจึงเหนียวแน่น
ประเภทที่จะมาเอาสมุนไพรเพียงอย่างเดียว เรื่องอื่นไม่สน ไม่เปลี่ยนอะไรเลย ซ้ำยังกระทำตน เกลียดตัวกินไข่ เห็นผิดอีกต่างหาก ... อย่ามาให้เสียเวลาเลย
เพราะอดีตตั้งแต่ครั้งถ้ำกระบอก ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สมุนไพรเขามีวิญญาณ รับรู้การกระทำ ของทั้งคนทำ และคนทาน ....
ที่สำคัญที่สุด หลวงพ่อนิพนธ์ให้พิจารณา นั่นคือ การหายโรค ก็ไม่ใช่จะปลอดภัยแก่ชีวิต เพราะกรรมยังอยู่ ไม่จำเป็นต้องด้วยโรค มันเปลี่ยนได้ ไม่ตายด้วยโรค ตายด้วยอุบัติเหตุ หรืออะไรก็ตาม มันก็ตายเหมือนกัน
ด้วยลำพังแต่สมุนไพร จึงเรียกได้ว่า ถึงอย่างไรก็ส่งไม่ถึงฝั่ง ไปไม่ตลอด ...
การมาจึงต้องเรียนรู้ แล้วทำเพื่อให้ถึง ลาภอันประเสริฐ ที่พระภูมีทิ้งไว้ให้ นั่นคือ ความไม่มีโรค หรือ มนุษย์สมบัติ จึงไม่ได้หยุดที่สมุนไพร แต่ต้องเน้นพฤติกรรม นิสัย ให้เดินในรอยของพระภูมี จนมีคุณสมบัติ ได้รับลาภอันประเสริฐนั้นแล
คนกลุ่มแรกที่จะเข้าคอร์ส หากทำได้ ก็จะเป็นพระมาลัย ทำตนเป็นประวัติศาสตร์ให้คนอ่าน แล้วทำตาม อันนี้เราชอบ แต่พวกที่มาเดินแนวเทวทัต ให้คนอ่านเหมือนกัน มีน้อยหน่อย หรือไม่มีเลยได้ก็ดี ...
แม้นจะดีสักเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น ด้วยมนุษย์ทุกคนมีกรรมเลี้ยงจนหมดพรหมลิขิตอยู่แล้ว .... สถานที่นี้ หรือ ศาสน์ของพระภูมี จึงมีประโยชน์เฉพาะกลุ่มคนเล็กๆ ที่อยากได้
ไปเถอะ ไม่ชอบ ไม่ต้องมา รับรองว่าอยู่ได้ ไม่ตาย จะต่างกันก็แค่ สภาพที่อยู่จนครบพรหมลิขิต มันต่างกัน ... เท่านั้นเอง คนที่เชื่อแล้วทำตาม ... พึ่งตนได้จนวันสุดท้าย เมื่อถึงหรหมลิขิต ก็เหมือนคนง่วงนอน หลับไป ... ไปสบาย เหมือนเดินชมบ้านโน้นที บ้านนี้ที แล้วก็เจอบ้านที่ถูกใจ ชวนไปอยู่ด้วย ก็ไปเกิดเป็นมนุษย์อีก ....หลวงพ่อนิพนธ์ยืนยันว่า เลือกได้ จะให้เป็นแบบไหน
สรุปง่ายๆ ไม่เชื่อคำสอนพระภูมี นั่นคือ ไม่เชื่อเรื่องกรรม จึงไม่ทำนั่นเอง คนประเภทนี้ ศาสน์สมุนไพร หาประโยชน์ไม่ได้หรอก ... ช้าเร็ว ก็เบื่อ ก็ไป
ขอย้ำคำตรัสของแม่ชีเมี้ยน ที่ทรงย้ำให้แก่พระบ่อยๆ เพื่อควบคุมตน ...ที่กล่าวว่า "ขันติสงฆ์ กรรมนะ กรรม จำไว้ให้ดี กรรมมันใช้ กรรมมันสั่งแล้วเป็นทุกข์" อันหมายความว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์กลัวมาที่สุด มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือ กรรม เพราะหากแม้นมีกรรมสักกะผีก ก็ต้องเกิดมารับกรรมนั่นเอง ... หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกให้เป็นสติเมื่อทุกข์มา ก็ให้ขันติ เพราะนั่นคือ กรรมของเรา และทำให้ให้ยินดี เพราะเมื่อใช้ก็ย่อมมีวันหมด ที่สำคัญ อย่าทำกรรมเพิ่มอีก
แม้นไม่ได้ธรรมหลุดพ้น แต่ได้ถึงมนุษย์สมบัติ ก็ไม่เสียชาติแล้ว เพราะนั่นคือ คุณสมบัติ ที่จะให้ถึงซึ่งนิพพานในอนาคต ในวันที่เบื่อโลก ไม่อยากอยู่ แล้วมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น...