หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ก่อนลาสังขารว่า แผ่นดินของท่านที่เหลือไว้ ที่ทำแล้วยังผล มีแค่ สองที่
หนึ่ง คือ มูลนิธิไทยกรุณา ที่ทิ้งไว้เป็นแผ่นดินทาน จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แล้วแต่ท่านอาสิ
ท่านชี้ว่า แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า ศาสตร์สมุนไพร เหมือนปาหี่ของศาสนา ที่มีไว้เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงอำนาจ แสดงให้มนุษย์เห็น เป็นเสมือนแว่นส่องจักรวาล ที่มนุษย์ใช้หาศาสนา โดยแสดงให้เห็นว่า ความไม่มีโรค ทำได้จริง หากทำตามศาสนาสอน โรคใดๆก็มีทางรักษาได้ ถ้ายังมีพรหมลิขิต หรือวันเวลา พอให้ฟื้นฟูทัน
กระนั้นก็ตาม ศาสตร์สมุนไพรก็ให้ได้แค่เพียงสุขสังขาร คือ ความไม่มีโรค จะไปให้สุขของวิญญาณ ยังไม่ได้ นั่นคือ ปลอดโรค มิใช่ชีวิตจะปลอดภัย เพราะการตายไม่จำเป็นต้องเป็นโรค
จึงเป็นเสมือนไม้เท้า ที่พยุงเดิน พาเดินมาหาศาสนา เมื่อเจอแล้ว พบแล้ว ก็ต้องเดินด้วยตนเอง จะพึ่งไม้เท้าตลอดเป็นไปไม่ได้
สอง คือแผ่นดินบุญ ที่สำนักสงฆ์แม่ชีเมี้ยนกรุณา ลพบุรี ที่มีไว้สร้างบุญ เพื่อทำตนรอดูพระพุทธศาสนา ที่จะอุบัติ
ท่านชี้ว่า ธรรมชาติของศาสนา เป็นของมีเจ้าของ โลกุตระเป็นเจ้าของ เมื่อไปอุบัติแผ่นดินใด ที่นั่นมีสัญญาอรหันต์
แปลว่า เมื่อคนในแผ่นดินนั้น มีผู้ทำตนเป็นพระพุทธเจ้าได้แล้ว ก็หาสาวก แลสาวกที่จะเป็นอรหันต์ได้ ต้องเกิดในแผ่นดินนั้น อาทิ พระโคดม ที่เป็นพระพุทธเจ้าในแผ่นดินของอินเดีย สาวกทุกพระองค์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนอินเดียทั้งสิ้น
ความหมายของแผ่นดินบุญที่ทิ้งไว้ คือ การเลือกเกิดนั่นเอง ศาสนาสอนให้เขียนพรหมลิขิตแห่งตน คนที่ปรารถนา มรรคผล นิพพาน จึงต้องมีตัวกระทำ มารวมกลุ่มกัน ฝึกฝนนิสัยพระพุทธเจ้า มีการกระทำเสียดสีกัน อันหมายถึง เมื่อตายแล้ว จะได้ไปเกิดในหมู่เดียวกัน ในแผ่นดินของพระพุทธศาสนานั่นเอง จึงจะไปกับเขาได้
การมาบวชหรือปฎิบัติ ที่ท่านอาสิชวน จึงเป็นการมาฝึก มาสัมผัสหนทางบรรลุ ทำแล้วนิสัยลดจริงไหม เดินตามคำสอนแม่ชีเมี้ยน แล้วได้บุญคือสัมผัสสุขจริงไหม ถ้าทำแล้วว่าใช่ ก็เริ่มเขียนพรหมลิขิตตน ให้สมปรารถนา
บทสรุป ศาสนา สอนพึ่งตัวกระทำที่ทำมา เมื่อปรารถนามรรคผล นิพพาน จึงต้องสร้างที่ชอบ ที่ที่มีคนปรารถนานิพพาน เช่นกัน รวมหมู่กัน สร้างธรรมสามัคคี ผลอันนี้เมื่อตาย ก็คล้ายบุพเพสันนิวาสที่คนรักกันทำกัน. ต้องมาเจอกัน เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดในหมู่ตนทำตนได้ ก็สอนคนในหมู่ตนที่ปรารถนาให้เป็นอรหันต์ ตามกันไปในยุคนั้นๆ
ประเด็นก็คือ สิ่งที่ศาสนาสอน ผู้ใดจะขอถึง ต้องพูดจริง ทำจริง คือมีตัวกระทำร่วมในแผ่นดินบุญ เพื่อสร้างที่ชอบ รวมหมู่กัน สามัคคี ร่วมกันสร้างแผ่นดินธรรม เป็นที่พึ่งของหมู่ตน จะมาเอาแต่การสร้างบุญเป็น นั่นยังไม่พอ เพราะยังไม่มีที่ชอบ ชาติหน้าถึงจะมีสุข แต่ไม่รู้ไปเกิดแผ่นดินไหน ไปกับเขาไม่ได้
คนที่ประสพผลในการมาเจอศาสนา จึงวัดกันที่วิญญาณ สร้างที่ชอบของตนไว้ตรงไหน ตัวกระทำก็พาไปเกิดที่นั้น
นี่เห็นแต่คนพูด ปรารถนา มรรคผล นิพพาน แต่ไม่เห็นคนพาตนไปใกล้ชิด ผู้ปฏิบัติ สร้างที่ชอบ มันก็คงเป็นแต่ลม ไปไม่ถึง เพราะขาดตัวกระทำ นำเกิดไปที่ชอบ
ถ้าผู้ใดพิจารณา แล้วจะเห็นค่าของแผ่นดินบุญผืนนี้ ย่อมต้องพากายไป แลน้อมรำลึกคุณ แม่ชีเมี้ยน ที่ทิ้งไว้ให้ แลคุณหลวงพ่อนิพนธ์ ที่นำมา การเวียนว่ายนั่นคือการสร้างที่ชอบ
ถามตนสักนิด เราท่านล้วนต้องตาย แล้วที่ชอบ ที่คนทั้งหลายบอกให้เราไป นั้นอยู่ไหน แผ่นศาสนาที่แม่ชีเมี้ยนอุปมา จะพูดได้อย่างไรว่าคือที่ชอบ เพราะไม่เคยคิดจะไป ถึงได้ไปก็ร้อนลน รีบกลับ เคยมีไหมที่จะอาลัยอาวรณ์เหมือนจะจากคนรัก ที่เมื่อไปแล้วอยากกลับไปหาทุกเมื่อเชื่อวัน ที่มีโอกาส
นี่แลคือเหตุที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ วันโกนวันพระ ก็ให้คนที่ปรารถนาถึง แต่ยังไม่อยากไปในยุคท่านได้สร้างที่ชอบ
พระถามแม่ชีเมี้ยนว่า ใครมันจะมาถ้ำกระบอกขนาดหมายังไม่เดินขึ้นมาเลย เพราะไม่มีอะไรกิน ท่านตรัสตอบ ก็คนสามแสนของพระโคดมไง ที่เขาจะมาทวงสัญญาของเขา ท่านมาจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เคยทำไว้แล้วนั่นเอง
ศาสนาจึงต้องมีพุทธบริษัท ที่มารวมตัวกันทำธรรมสามัคคี รอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป จะไปได้จึงต้องมีที่ชอบเหมือนกัน