หลวงพ่อนิพนธ์นำต้นสาละมาปลูกในมูลนิธิ ท่านว่ามีในพุทธประวัติ ที่สำคัญคือ ชื่อ เป็นสิ่งที่เราท่านต้องพิจารณา ว่าสิ่งใดควรเชื่อ มีแก่นสาร ที่สำคัญเป็นที่พึ่งของตนได้
ท่านเล่าอดีตครั้งบวชว่า สิ่งหนึ่งที่คนไม่รู้ของตัวท่านนั่นคือ กลัวผี แม้นแต่ในวัยเด็ก ที่แก่นแก้วในตรอกไผ่สิงโต ด้วยบ้านอยู่กลางซอย ในอดีตไม่มีไฟฟ้า เมื่อเดินกลับบ้าน ต้องผ่านต้นมะขามใหญ่ กิจกรรมที่ทำประจำ คือแวะฉี่ก่อนเข้าบ้าน ทำเช่นนี้มาหลายปี มาวันหนึ่งมีคนเอาผ้าเจ็ดสีมาผูก เอาศาลมาตั้งแล้วบอกมีผีเจ้าที่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับแต่นั้นด้วยความกลัว ถึงต้นมะขาม หลับตากลั้นใจวิ่งผ่านกลับบ้านทุกครั้ง
ครั้นมาบวช แม่ชีเมี้ยน รู้นิสัยความเชื่ออันนี้ของท่าน ดังนั้นธุดงค์หนึ่ง แม่ชีเมี้ยนบอกต้องทำลายความเชื่ออันนี้ลงเสีย เดินมากับหมู่คณะช่วงหนึ่ง แม่ชีเมี้ยนสั่งให้หลวงพ่อนิพนธ์แยกเดินเดี่ยวไปคนเดียว
วันหนึ่งท่านไปปักกลด บริเวณนั้น ชาวบ้านบอกผีดุ ครั้นค่ำชาวบ้านก็กลับ ตกกลางคืน ขณะจะหลับ ปรากฎว่ากลดสั่นไหวไปหมด เป็นพักๆแล้วหยุด อยู่อย่างนี้จนเช้า หลวงพ่อนิพนธ์ด้วยความกลัวผี คิดว่าโดนผีเล่นซะแล้ว ไม่กล้านอน ไม่กล้า ออกจากกลด จนเช้าฟ้าสว่างปรากฎว่า มีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งมานอนที่กลดท่าน มันจึงเกาทำให้กลดสั่นทั้งคืน
เมื่อเดินไปอีก วันหนึ่งเดินจนพลบค่ำ แล้วจึงหาที่ปักกลด เห็นเนินดินตรงทางสามแพร่ง เหมาะที่จะปักกลดจึงปักบนเนินดินนั้น ชาวบ้านผ่านมาเห็น สักพักก็มีผู้ใหญ่บ้านพร้อมลูกบ้านมาหาด้วยความดีใจ แต่ก็รีบลากลับ หลวงพ่อนิพนธ์สงสัยแต่ก็ถามไม่ทัน กะว่าพรุ่งนี้ค่อยถาม ครั้นเช้า ผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านถือกับข้าวมาใส่บาตรหน้าตายิ้มแย้มดีใจ รอจนฉันเสร็จ จึงถามข้อสงสัย ผู้ใหญ่บ้านบอก ชาวบ้านดีใจที่ท่านมาปราบผี เพราะดุมากหลอกหลอนคนหลายครั้ง หลายหน หลวงพ่อนิพนธ์ถามผีที่ไหน ชาวบ้านบอกก็ตรงเนินดินที่ท่านปักกลดนั่นแหละ เป็นหลุมศพผีตายทั้งกลมดุมาก หลอกคนไปทั่วจนชาวบ้านไม่กล้าเดินผ่านเมื่อค่ำแล้ว
หลวงพ่อนิพนธ์จึงรู้ว่า ผีไม่มีจริง ท่านนอนหลับสบาย ตั้งแต่ธุดงค์นั้น ท่านก็เลิกกลัวผี
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า สิ่งต่างๆล้วนแล้วแต่มนุษย์สร้างขึ้น คิดเอง เออเอง ไม่มีจริง ไม่ว่าผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มีกันเกลื่อนบ้าน เกลื่อนเมือง เมื่อไม่มีจริง จึงให้คุณให้โทษใครไม่ได้ แต่ที่ประสพผลนั่น กรรมดี กรรมชั่วของคนนั้นต่างหาก
วันนี้บทพิสูจน์จะมีให้เห็น เมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองพระพุทธศาสนาของแดนใต้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย วัดเต็มเมือง จะหยุดภัยพิบัติลงได้ไหม ในเมื่อสิ่งที่มาเป็นอำนาจกรรมหมู่ที่มีจริง มีตนมาเป็นลมแล้ว
แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า พระภูมี ทรงชี้ให้ผู้ทุกข์ ด้วยภัยพิบัติ จะพ้นก็ด้วยการทำนิสัย ให้สุขผู้อื่น ทั่วทั้งหมู่เหล่าในชุมชนนั้น ถ้ามัวแต่ร้องขอ อ้อนวอน เชื่อว่าจะมีผู้อื่นหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไม่มีทาง ยิ่งถ้าเชื่อว่าวิทยาการ จะช่วยได้ สร้างวัตถุมาสู้ยิ่งไม่มีทางชนะ
เมื่อเราจะมาชนะโรค สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไปร้องขอ หรือวิทยาการทางการแพทย์ ก็ไม่ต่างกัน หยุดลมกรรมที่มาเป็นโรคไม่ได้หรอก
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า ถ้าใช้ตาใช้ความชอบความคิดความเห็นตน ไม่มีทางเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าใช้เหตุและผล นั่นแลจึงจะเห็น รู้ด้วยตนเองว่า อันไหนจริงอันไหนปลอม "กรรมมา อันไหนหยุดได้ อันนั้นแหละ" ท่านจึงมักพูดว่า โรคมันเป็นกรรม หมอไหน เกจิไหน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สร้าง คนไหน ที่ว่าตัวเองแน่ พ่ายแพ้หมด อยากรู้อยู่ที่ไหน ก็ที่ไหนทำให้ โรคหายได้ ที่นั้นแลมีธรรมคำสอนที่แท้จริง ด้วย "ธรรมชนะกรรม"
เมื่อมันไม่มีจริง สิ่งที่ทำจึงไม่เป็นสาละ ผลจึงไม่มี หยุดกรรม หยุดโรค หยุดภัยพิบัติไม่ได้
เมื่อมนุษย์ประสพชะตากรรม มนุษย์จะร้องหาศาสนาที่แท้จริง และรู้ว่าสิ่งที่ตนเชื่อ ตนทำ ในอดีต นั้นไม่มีตัว ไม่มีตน ช่วยตนไม่ได้ ไม่เป็นสาระ
พูดฟังง่าย ภัยพิบัตินี้แหละเป็นตัวหยุดอหังกานิสัยของมนุษย์ เมื่อทุกข์แสนสาหัส พระพุทธเจ้าจะอุบัติมาสอนวิธีดับทุกข์นั้น