หลวงพ่อนิพนธ์มักชี้ให้เห็นเสมอว่า มูลเหตุที่มาแห่งทุกข์คือ "กรรม"
เมื่อกรรมบันดาลทุกข์ เป็นโรค นั่นย่อมคาดเดาได้ว่า หากปล่อยไปตามกรรม ทุกข์ที่เกิดจะเป็นฉันใด วิชาทางการแพทย์สามารถบ่งบอกได้ เรียกว่า ค่อนข้างแม่นยำ
จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า วันหนึ่ง เมื่อหนทางที่เลือกพึ่งคือวิทยาศาสตร์ มาถึงทางตัน คำเอ่ยที่ทุกคนจะได้ยินนั่นคือ ทำใจ แลกำหนดวันเวลาที่เหลือของชีวิตตน
เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์ นำศาสตร์สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ให้พิจารณา แล้วเดินตาม คำถามที่ปกติไม่เคยมีใครถามหมอ ไม่ว่าหมอสมัยใหม่ หมอโบราณ หมอผี เข้าทรง องค์เจ้า คือ กี่วันหาย กลับถูกนำมาถาม
แลอาจถามก้าวไปอีกว่า ทานสมุนไพรแล้วหายแน่ใช่ไหม ซึ่งก็น่าแปลกที่คำถามนี้ ไม่เคยถูกถามเลยในสถานที่อื่น แต่ที่นี่ต้องตอบ
หลวงพ่อนิพนธ์ ก็หาได้ไหวหวั่น เพราะรู้นิสัยมนุษย์ดี ที่สำคัญ ศาสตร์ของแม่ชีเมี้ยน เป็นของจริง มีอำนาจจริง
จึงไม่ประหม่าเลยที่จะตอบว่า ใครทำได้ รอดแน่ หากไม่ถึงซึ่งพรหมลิขิตแห่งตน กำหนดมา
หากแต่ กระบวนการ วิธีการ รวมไปถึงวันเวลา ก็ย่อมแตกต่างไป ในแต่ละบุคคล จะเอาเหมือนกันไม่ได้
เพราะแต่ละคน มีที่มา มีกรรม มีนิสัย มีของเดิมมากน้อยไม่เท่ากัน ที่สำคัญ คือ การทำตามคำสอนที่ได้ยิน ได้ฟัง มากน้อยต่างกัน จึงบอกไม่ได้เลยว่า จะหายเมื่อใด
นี่เองจึงเป็นความจำเป็น เมื่อสิ้นหลวงพ่อนิพนธ์ การดำเนินการในกาลต่อไป จึงจำต้องแบ่งแยกให้เด่นชัด ไม่บังคับผู้ใดให้เดิน เลือกในสิ่งที่ตนชอบ แล้วทำ ส่วนผล ก็เป็นไปตามตัวกระทำของตนที่เลือกนั้นแล
บทสรุป ก็คือ ณ.เวลานี้ เข้าโหมด ตนพึ่งตน เต็มตัวแล้ว นั่นเอง ใครทำ ใครได้ ใครทำได้ คนนั้นก็รอด และเป็นไปตามธรรมชาติของแต่ละคน ต่างกรรม ต่างวาระ จะบอกว่า เอาเหมือนคนนี้ คนนั้น ไม่ได้เลย
จึงเป็นคำกล่าวในอดีต ของผู้ปฏิบัติธรรม ของพระภูมี ที่จะทราบกันดีว่า ผลแห่งตัวปฏิบัติ เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า "รู้ได้เฉพาะตน" เมื่อทำแล้ว ผลดีเกิด ก็พึงรู้แก่ตัว ก็รักษาแนวทางนั้นไว้ หากจะให้ดียิ่งขึ้น ก็ทำให้มากขื้นกว่าเดิม
อนาคตอันใกล้ จึงเป็นบทพิสูจน์ วลีคำขวัญ "สมุนไพรรักษาโรค ธรรมรักษากรรม" ที่เป็นรูปธรรมเด่นชัด เพราะบุญที่จะพึงได้รับ ไม่มีแล้วจากแม่ชีเมี้ยน แลหลวงพ่อนิพนธ์ ต้องพึ่งลำแข้งแห่งตนสร้างเอาเองทั้งหมดทั้งมวล
มาที่นี่ วันเวลาที่เหลือ จึงไม่มีใครบอกได้ อาจจะอยู่ยาวจนลิมเลยก็ได้ อาทิเช่น ลุงติ๊ก ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หมอบอกว่าอย่างเร็วก็อีกสามเดือน อย่างช้าก็ครึ่งปี เวลาที่เหลืออยากทำอะไรก็ทำ จึงใช้เวลาที่เหลือกะจะทำความดีจนสิ้นลม ทำไปทำมา ผ่านไปเกือบสิบปีแล้วที่มามูลนิธิไทยกรุณา ทุกสัปดาห์ ณ.วันนี้ เลยวัยแปดสิบ ยังไม่เห็นแววจะตายเลย