วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฤาจะเลือกที่จะเชื่อ

หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เห็นว่า ด้วยตัวกระทำของเราท่าน ที่มีมาแต่ในอดีตยุคพระโคดม ตัวกระทำอันนี้ ก็ใช้ทุกข์ที่เรามีเป็นเหตุให้เวียนว่ายมาหา

แลชี้ให้เห็นว่า ตัวกระทำของเรานั้น ไม่ตาย เมื่อทำแล้วรอเราอยู่ในวันข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นกระทำดี หรือ กระทำชั่วก็ตามที

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมาพานพบศาสนา จึงต้องเรียนรู้ พิจารณาแล้วทำ หากแต่จะเป็นเช่นนั้นได้ ย่อมต้องมีความเชื่อเสียก่อน

หากแต่ถ้าเราท่านทั้งหลาย ไม่เชื่อว่าทุกคนตายแล้วเกิด กรรมมีจริง ตัวกระทำมีจริง เมื่อคิดเช่นนั้น การกระทำในวันนี้ ทำแล้วย่อมจบสิ้น ศาสนาก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ

ความเป็นจริง ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจตน ว่าหาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่ก็พยายามจะหลอกตน จึงคิดที่จะพึ่งผู้อืน เป็นนิสัย

การหลอกตัวเอง จึงสะสมมาแต่เด็ก ตอนล้มเจ็บ พ่อแม่ก็เป่าพ่วง แล้วก็หายเจ็บ ก็คิดว่าการเจ็บนั้นหายด้วยการเป่านั้น แท้จริงแล้ว ความเจ็บมีเพียงเล็กน้อย แต่ร้องเพื่อให้พ่อแม่เอาใจต่างหาก จักเห็นได้ว่า เมื่อร้องก็จะมองหา มีใครสนใจไหม ร้องไปนานๆ ยังไม่มีคนสนใจ ก็เลิกร้องไปเอง ไม่ได้ร้องเพราะความเจ็บนั้นเลย เพราะถ้ายังเจ็บก็คงร้องไม่มีหยุด ถึงพ่อแม่จะมาก็ตามที

พอโตมา ก็เริ่มซึมซับ เป็นอะไร ก็ทานยา กินปุ๊บหายปั๊บ ก็เชื่อว่า หมอดี ยาดี หรือจะไปเข้าทรงองค์เจ้า หาพระ สารพันยา หรือไปทำพิธี ก็ด้วยพรหมลิขิตยังมีอยู่ ทำอะไรมันก็หาย ก็ยิ่งผูกพันธ์ ว่าสิ่งนั้นแลพึ่งได้

วันเวลาผ่านไปนานเข้า ยิ่งเดินเลย ตนของตน ไปจนกู่ไม่กลับ

ท้ายที่สุด ก็กลายเป็นความเชื่อมั่นที่ผิด ว่าไม่ต้องกลัว เป็นอะไร ไปทำอย่างโน้นสิ ช่วยได้ เป็นโรค หมอนั่นช่วยได้ .... จวบจนความจริงปรากฎ เมื่อหนทางความเชื่อที่มีค่อยๆถูกปิดไปทีละบาน

เมื่อมาถึงหลวงพ่อนิพนธ์ ก็ชี้ให้เห็นว่า ต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลาย พระภูมีทรงตรัสว่า "มีมาแต่กรรมที่ทำมานั่นเอง"

ด้วยกรรมในอดีตส่งผลมาปัจจุบัน แลนั่นก็หมายความว่า เราท่านจะต้องตายแล้วเกิด เป็นวัฐจักรก็เพื่อไปเสวยกรรมที่ทำในชาตินี้นั่นเอง

หากเราท่านไม่เชื่อว่าตายแล้วเกิด ศาสนาก็บ่มีไก๊ ไม่มีค่าอันใดแก่เราท่านเลย เมื่อทุกข์มาถึง คนบางคน ก็พาลหนี บอกว่า ฉันจะฆ่าตัวตาย จะได้จบๆ ....

ถ้ามันจบก็ดี โลกนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีคำสอนใดๆ ทุกคนทำตามนิสัยตน แสวงหาเงินทอง เพื่อเสวยสุข ไม่ต้องสนว่าโดยวิธีใด

นิสัยมนุษย์ จึงชอบอ้างเวลากรรมดีมาถึง ก็บอกว่านั่นของฉัน และยิ้มรับเต็มใจ แต่เวลากรรมชั่วมาถึง ก็ปฏิเสธ แต่จะปฏิเสธสักฉันใด ทุกข์อันนั้นก็หาไปจากเราไม่

มา ณ วันนี้ จึงเป็นบทพิสูจน์ ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ แต่กรรมก็มีจริง มีอำนาจจริง และที่สำคัญ ใครก็ช่วยตนของเราไม่ได้ คำอวดอ้างว่า ช่วยได้ รักษาได้ ก็เป็นเพียงคำโกหก เพื่อล้วงเงินออกจากกระเป๋าเท่านั้นเอง

หากคิดจะช่วยตน สิ่งแรกที่ต้องยอมรับ ก็คือเรื่องกรรม แลธรรมนั้นก็มีจริง หาให้เจอ เมื่อเจอแล้ว จะพบว่า หนทางที่ใช้ดับทุกข์ มีเพียงวิธีเดียว นั่นคือ "พึ่งตนเอง"

หลวงพ่อนิพนธ์ท่านก็ได้แค่สอน และชี้ทาง ประกอบกับมีสมุนไพรเป็นพี่เลี้ยงคอยประคองได้ช่วงหนึ่ง เท่านั้นเอง

สถานที่นี้ จึงไม่มีหมอ ไม่มีใครช่วยใครได้ หากจะถามว่า เมื่อไหรหายโรค ก็ต้องย้อนกลับไปถามตนเองว่า เมื่อไหรจะทำตามศาสนาชี้ได้ นั่นเอง

หากเลือกจะเชื่อเฉพาะว่าสมุนไพรดี ต้องช่วยตนได้ เลือกเชื่อว่าตนทำบุญเก่ามาดี เลือกเชื่อว่าสิ่งที่เป็นหาใช่กรรมของตนไม่ การหายโรคก็คงอาจเป็นเพียงได้แค่ความฝัน ที่ไม่อาจเป็นจริงได้ เท่านั้นเอง

หากวันนี้ เริ่มจะเชื่อว่า กรรมมีจริง แลกรรมอันนั้นส่งผลให้เราแล้ว ณ วันนี้ ก็ยังไม่สาย ที่จะมาเรียนหนทางบุญ แล้วเริ่มทำนิสัยธรรม ทิ้งความเชื่อว่าผู้อื่นจะช่วยตนของเราได้ แล้วหันมาช่วยตนด้วยตนเอง

บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า การหายโรคนั้นกระจอก ไม่จำเป็นต้องใส่ใจโรคมากนัก เพราะมันแค่ลิ่วล้อ บริวารกรรม เล่นตัวแม่ โค่นตัวแม่กันดีกว่า แม่ตายบริวารมันก็ต้องอยู่ไม่ได้ นั่นคือ มาพูดเรื่องนิสัยกันดีกว่า ....

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44