ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คนโบราณเห็นอะไรในพุทธศาสนาครั้งพุทธกาล จนบอกลูกสอนหลานให้ทำเช่นนั้น
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า เพราะเป็นเขตที่คนทั้งหลายทิ้งนิสัยสันดานตนไว้ด้านนอก แล้วมาใช้นิสัยพระพุทธเจ้านั่นเอง
เมื่อไม่ใช้นิสัยตน แม้นแต่กรรมยังจำไม่ได้ อาญาแผ่นดินจึงต้องยอมเว้น ด้วยคนผู้นั้นในแผ่นดินนี้สร้างสุขให้ผู้อื่นเป็นอุปนิสัยแล้ว ไม่มีพิษมีภัยกับผู้ใดอีก
แล้วนิสัยที่ว่ามาจากไหน ทำอย่างไร เดินตามใคร ครั้งถ้ำกระบอก พระก็เดินตามแม่ชีเมี้ยน ดูแม่ชีเมี้ยน ฟังคำสอนแล้วทำ อันเป็นที่มาพระกรรมกร ก็ขนาดแม่ชีเมี้ยน อดีตพระเล่าให้ฟัง ท่านทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น ชุดท่านเปื้อนฝุ่น มือไม้มีร่องรอยเต็มไปหมดทุกวัน
ครั้นมายุคหลวงพ่อนิพนธ์ ภาพที่เราเห็นบ่อย คือท่านยืนรดน้ำต้นไม้ ครั้งละหลายชั่วโมง ครั้งหนึ่งเมื่อซื้อที่บริเวณมูลนิธิใหม่ๆอันเป็นที่นา ท่านก็ดำริให้ขุดบ่อ ซื้อแมคโครมา โดยที่มีคนป่วยที่ขับได้เป็นคนขับ เราก็เห็นท่านมาขับเองบ้างบางครั้ง
เราถามท่านว่า ทำไมต้องมาขับเอง ท่านตอบว่า ก็จะได้มีรอยมือรอยตีน มีน้ำเหงื่อของท่านบ้างในแผ่นดินนี้ จะได้ไม่เป็นหนี้ใคร เวลามาใช้กิน ใช้นอน มาหิ้วปูน เวลาเข้าส้วม นั่งจะได้ไม่เอาเปรียบใคร
บทสรุป เราดูคนที่มาทุกวันนี้ เข้ามาในเขตพัทธสีมา เขาเดินตามใครน่าฉงน กรรมตนก็อุบัติมาเป็นโรคแล้วในวันนี้ เข้ามาก็หวังสุข แล้วเขาเดินตามใคร ไม่กลัวเป็นหนี้หรือ จึงมาทำตนแบบนั้น
นึกเองว่า ขนาดแม่ชีเมี้ยน ขนาดหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ซึ่งมีบุญญาธิการมากโข ท่านยังทำเลย กลัวเป็นหนี้
คนที่ไม่มีบุญแม้นแต่เก๊เดียว กลับทำตนเสมือนรวยบุญ ให้คนอื่นเขาทำให้ทุกสิ่งอย่าง
จริงน่ะแม่ชีเมี้ยนตรัสสอนสงฆ์เรื่องหนี้กรรม แม้นแต่มุ้งนอนสี่หู ผัวเมียยังต้องช่วยกันกางคนละสองหูเลย
คำสอนแม่ชีเมี้ยนสอนสงฆ์ "กรรมน่ะ จำไว้ให้ดี เรามีทุกข์มีโรค เพราะเรามีกรรม กรรมอันนี้เราทำไว้แล้ว เราเป็นผู้ทำ จะร้องให้ใครช่วยไม่ได้ผล เราต้องเป็นผู้แก้เอง"