ที่มันไม่เที่ยงเพราะการกระทำของคนมันไม่เที่ยง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า ดิน น้ำลม ไฟ เป็นพี่เลี้ยงของมนุษย์ สะท้อนพฤติกรรมมนุษย์ เมื่อการกระทำไม่เที่ยง เอนเอียงไปด้านใด ฤดูกาลก็เบี้ยวไปทางนั้น ตามนิสัยหมู่คนนั้นๆ
เมื่อผลแห่งตัวกระทำหมู่ให้ทุกข์ ไม่ว่าจะแก้สักฉันใดไม่เป็นผล ร้อนจัด หนาวจัด ทะเลทรายน้ำยังท่วม โรคที่หายสาบสูญไปนานก็ย้อนคืนมา
แม่ชีเมี้ยนจึงชี้ว่า พระพุทธเจ้าจะมาดับยุคเข็ญ ตอบโจทย์ แก้ทุกข์ที่ต้นเหตุ คือ ”นิสัย”
นำสัจจะธรรมมาให้มนุษย์ปฏิบัติ สร้างการกระทำเที่ยง เป็นที่พึ่งแห่งตน
สอนให้ใช้สัจจะ แล้วใช้ขันติ อดทน ทำให้เที่ยง คือ พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น
ใครก็อยากเป็นคนดี แม้นจะมีขันติอดทน แต่ก็ทำไม่ได้ ยืนระยะไม่ได้ เพราะเหตุใด
แม่ชีเมี้ยนชี้ให้พิจารณา
ขันติ เป็นการกระทำ
อดในสิ่งที่อยากได้แต่ไม่ได้
ทน ในสิ่งที่ไม่อยากได้แต่ได้
สัจจะ จะเป็นผู้นำทำให้สำเร็จ
ถ้ามีแต่ขันติอดทน แต่ไม่มีสัจจะ
เดี๋ยวก็ลืมทำ ขันติอดทน
พอนึกขึ้นได้ ก็ทำใหม่
การกระทำมันจึงไม่เที่ยง
ผลจึงไม่เที่ยง แค่อยู่จนครบพรหมลิขิต ยังไม่เที่ยงเลย เพราะการกระทำทำลายตน ด้วยหวังพึ่งผู้อื่น ขอแต่พร
บทสรุป เมื่อสร้างตัวกระทำเที่ยง ผลมันก็เที่ยง เป็นบุญ ที่เสมือนเงาตามตัว ยิ่งไปกว่านั้นให้ผลเร็ว ทำปุ๊บหลวงพ่อนิพนธ์บอกบุญไปรอที่กระไดบ้าน เสมือนแสงอาทิตย์ เมื่อเราเดินออกแดด ก็รู้สึกได้ทันที ที่สำคัญ ซื้อกรรมได้ เลี่ยงกรรมได้
หายโรคจึงเป็นไปได้ เหมือนปาฏิหาริย์
ยุคเฟื่องฟูของศาสนา ที่เรียกยุคศรีวิไลซ์ นั่นจึงยุคที่การกระทำเที่ยงเฟื่องฟู สัจจะธรรมเฟื่องฟูนั่นเอง ฤดูกาลจึงกลับมาปกติ ฤดูละสี่เดือน
นี่แลทำไมหลวงพ่อนิพนธ์จึงชวนเราท่านให้มาทำ ก็จะได้เลี่ยงกรรมหมู่ ทำตนอยู่ดูศาสนา ดูพระพุทธเจ้าที่จะอุบัติในแผ่นดินพม่า แลมีนิสัยของเขา ทำตามคำสอนได้