คำถามคือ บวชทำไม บวชแล้วได้อะไร
การบวชคือการเรียนรู้หนทางเดินไปสู่มรรคผลนิพพาน แล้วพิจารณานำมาปฏิบัติในส่วนที่เหมาะแก่ตน
ธรรมของพระโคดมมี แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า นั่นแปลว่า ต่างคนต่างกรรม ต่างวาระ ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกัน หากแต่จุดมุ่งหมายเหมือนกันคือ ตัดกิเลสนิสัยสันดานกรรมของตนให้หมดลง สร้างนิสัยพระภูมีให้เกิดแก่ตน อันเป็นกิริยาบุญ ช่วยตนบรรลุมรรคผลนิพพาน
สำหรับผู้ที่ยังไม่คิดไป การบวช จึงมุุ่งหมายขอนิสัย บางสิ่งบางอย่าง ทำเพื่อเป็นที่พึ่งแห่งตน
ดังนั้น แม่ชีเมี้ยนจึงชี้ว่า ผู้มาบวชเพื่อขอนิสัย จึงมาเพื่อเรียนรู้ว่า พระภูมีลดสันดานกรรมโดยวิธีใด สร้างบุญโดยวิธีใด และรู้ว่าบุญทานบารมี เป็นอย่างไร
เมื่อพบแล้ว สัมผัสแล้ว ก็ตั้งคำถามกับตน ว่าจะเอาไหม วินัยเดินหนีกรรมอันนี้ หรือ จะอยู่รอกรรมมาอุบัติ
บทสรุป การบวช สามวัน เจ็ดวัน จะมีความหมายไม่ใช่ผลจากสามวันเจ็ดวันที่ได้ทำ นั่นกินแป๊บเดียวก็หมด แต่เป็นการเรียนรู้หนทางช่วยตน ได้สัมผัสบุญญาธิการ แล้วบอกกับตน ให้เดินหนีกรรม โดยเอาวินัยมาทำช่วยตน ตามแต่ที่พอทำได้ จะเป็นวินัย กาย วาจา ใจ อันใดก็ตามแต่
แลพึงรู้ว่า ผลที่ได้ ทำสิ่งใด ได้สิ่งนั้น หลวงพ่อนิพนธ์สอนว่า วินัยกายทำง่าย ส่วน วาจา ใจ นั้นยาก ครั้งถ้ำกระบอกจึงมักเริ่มโดยให้ทำวินัยกาย โดยการมาอาทิตย์ละครั้ง บ่ายเสาร์มา เช้าอาทิตย์กลับ เมื่ออยู่ในที่สงบ การทำวินัยวาจา และใจ ก็ง่ายขึ้น
หากผู้ใดเห็นว่าดี ก็ควรตั้งปณิธาน ทำให้บรรลุ มรรคผล นิพพาน ไม่ว่าจะชาติไหน แต่จะทำเช่นนั้นได้ ย่อมต้องเจอศาสนาเป็นปฐมบท ดังนั้นผู้ปรารถนาจึงต้องให้สัจจะ "นับถือศาสนาพุทธ ตลอดชีวิต" อันเป็นหางเสือพาวิญญาณไปพบพระพุทธศาสนาทุกชาติไป
แม่ชีเมี้ยนตรัสสอนว่า ธรรมของพระภูมี ยิ่งทำ ยิ่งลดนิสัยสันดานกรรม ยิ่งลดมาก และสร้างนิสัยธรรมได้มาก ยิ่งถึงสุขมาก
หากผู้ใดทำแล้วไม่ลด นั่นเป็นผู้บดหรือทำลายศาสนา
จึงไม่แปลก ทำไมไปทำบุญที่วัด โรคไม่หาย ก็กลับบ้านมายังด่าเหมือนเดิม ยังว่าเขา ยังเบียดเบียนเขาเหมือนเดิม นั่นเอง
คนจะหายโรค กรรมต้องลด กรรมจะลดได้นิสัยสร้างกรรมต้องลด
นี่แลทำไมธรรมแม่ชีเมี้ยน ใครบวชแล้วหายโรคทุกตัวคน ก็ดูวินัยที่บัญญัติสิ ใช่หลักลดหรือไม่ ผู้ทำนั่นแลรู้ดี