หลักของพระภูมี นั้นทำยาก แต่ก็ไม่ยากเกินจะทำ
จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า คนมากมายที่ชอบสบาย อยากหายเร็วๆ ไวๆ เมื่อมาพบเจอความจริงนี้ ย่อมทำได้ยาก
และก็ไม่ยอมที่จะพิจารณาเหตุและผล ก็ย่อมท้อและเบื่อหน่าย หรือ หันไปหาหนทางที่ตอบโจทย์นิสัยของตนได้ นั่นคือ ยอมที่จะเสียเงิน แต่ไม่ยอมที่จะเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า ปรับเปลี่ยนนิสัยแห่งตน
ภาพที่ปรากฎ ก็เลยไม่น่าประหลาดใจแต่ประการใด ไม่ว่าจะเป็น การเบื่อการรอคอย เบื่อปฏิบัติ แล้วหันไปซื้อสมุนไพร จากคนที่รู้จักสูตรยาสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เรียกว่า เอาแบบจ่ายตังค์แล้วได้สมุนไพร ได้อบตัว ไม่ต้องมาทำพิธีกรรมอันใดเหมือนในมูลนิธิก็มากมี
หรือ แม้นแต่คอยเงี่ยหูฟังที่ไหนมียาดี ก็รีบไปหา แห่แหนกันไป ด้วยหวังว่า จะมีสรรพคุณวิเศษตามที่เล่าลือ กินปุ๊บหายปั๊ป ในสามวันเจ็ดวัน ไม่ต้องมายืดเยื้อใช้เวลาเหมือนสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้พิจารณาว่า นั่นเพราะเขาไม่เชื่อกรรม เขาคิดแต่พึ่งผู้อื่น ก็ไม่ว่ากัน หากแต่ความจริงอันนี้ จะพิสูจน์อย่างไรในวันนี้คงไม่ได้ แต่วันเวลาที่ผ่าน ก็ย่อมจักเป็นเครื่องยืนยันว่า "โลกใบนี้ ไม่มีวันที่มนุษย์จะค้นพบยารักษาโรค หรือวิธีรักษาโรคตายได้"
ยิ่งหายได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนนิสัย ไม่เอารอยของพระพุทธเจ้า ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ด้วยขาดยุติธรรมแห่งโลกนั่นเอง คือ ทุกคนมีโอกาสไม่เท่ากัน
นี่แลลักษณะของกระต่ายตื่นตูม แทนที่จะตั้งสติ พิจารณา ค้นหาเหตุและผล ที่ได้ยินได้ฟังจาก ท่านอาสิ ก็วิ่งไปด้วยคิดว่าสิ่งที่ตนเป็น ฟังจากหมอนั้น น่ากลัว ด้วยคำขู่ เป็นอย่างนี้ ตาย...คำคำเดียว ก็ไม่พิจารณาอะไร คิดไปเอง ตนต้องตายแน่ในโรคที่เป็นอยู่ แล้วก็วิ่ง แห่เอาไปทางโน้นที ทางนี้ที ช่วยด้วย ที่ไหนว่ามียาดี ไปหมด หมอผี พิธีกรรม ลัทธิ ความเชื่อ พระ แม้นแต่เข้าทรงองค์เจ้า ก็ไป ล้วนแล้วแต่ทำเสมือนรถเสีย แล้ววิ่งไปหาช่างที่ไม่รู้จริง อวดสรรพคุณ แต่ทำไม่ได้ ยิ่งทำ รถยิ่งพัง
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงชี้ความจริง ว่า ผู้ที่จะช่วยตนของตนได้ ก็มีแต่ตนพึ่งตน เท่านั้นแล มองไปหาอื่นไกล วิ่งหาให้เหนื่อยทำไม
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า ศาสตร์สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หากแม้นศาสตร์นี้ช่วยไม่ได้ ก็ไม่มีที่ไหนช่วยได้แล้ว แลคนที่จะใช้ศาสตร์นี้ ก็ต้องใช้พฤติกรรมแห่งตนนั่นแลช่วยตน ท่านอาสิ ก็มีแต่เพียงคำสอน แนวทางที่จะช่วยตน ให้ไปพิจารณา แล้วทำ .... ใครทำได้ คนนั้นรอด
กรรมมันบังตา บังใจ สถานที่นี้ มีผู้คนมากมายประสพผล แต่ไม่ยอมเดิน สถานที่ที่มีแต่เสียงเล่าลือ หาคนหายจากโรคที่เป็นจริงๆไม่มีเลย เป็นตัวเป็นตนให้เห็น กลับแห่แหนกันไป
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เคยถามที่นั่นสักคำ ว่ากี่วันหาย รับรองจะหายไหม แต่เมื่อเจอของจริง ทำได้ หายแน่ ช้าเร็วก็แล้วแต่กรรมของคน ต่างกรรมต่างวาระ กำหนดไม่ได้ กลับคาดคั้น หรือ กำหนดวันซะงั้น สามเดือนหายไหม กี่วันหาย
ก็ถ้ายามันมีจริง ดีจริง หายจริง ไม่คิดหรือว่าประเทศที่ร่ำรวย มีเงิน ไม่ว่าอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน เขาจะนิ่งเฉย ไม่ทุ่มเงินมาซื้อไปให้คนของเขา มันคงไม่อยู่รอเราไปเอาหล่ะมั๊ง
ก็คีโมที่ว่าดี แล้วทำไมคนอเมริกา จึงตายด้วยมะเร็งปีละมากมายเล่า
ดั่งคำ "ถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ"