ไม่เชื่อก็คงไม่ได้ ว่าโลกนี้มีอำนาจกรรม
ทำไมหรือ ก็มนุษย์นั้น มีสติปัญญา มีความเฉลียวฉลาด มีความรู้ มีความคิด แยกแยะสิ่งถูกผิดได้ทุกตัวคน แต่ครั้นถึงเวลา กลับกลายเป็นเสมือนบ้าใบ้ คิดไม่ได้ ทำไม่ถูกซะงั้น เมื่อกรรมมา
โบราณจึงว่า เมื่อกรรมบันดาล คนทั้งหลายก็ขาดสติ ขาดความยั้งคิด ทำในสิ่งที่ผิดได้อย่างง่ายดาย มีให้เห็นกันมากมาย น้อยใจ ก็ฆ่าตัวตาย ผิดหวังก็ทำร้ายตัว อยากได้ก็ไปแย่งชิง ปล้นฆ่าเขาเอามาเป็นของตน ฉลาดกว่าก็ใช้ปัญญาหลอกคน อยากรวยก็ค้ายา ใครเสพไปจะตายก็ชั่งมัน ครั้นกรรมย้อนมาหาตน จะปฏิเสธสักฉันใดก็หาพ้นไม่ ถึงตอนนั้น ค่อยคิดได้ ไม่น่าทำเลย แค่ยกปืนยิงขึ้นฟ้าขู่ก็พอแล้ว นี่ไปยิงเขาตาย แล้วลูกเมียจะทำอย่างไร จะอยู่อย่างไร
เมื่อย้อนกลับมาเรื่องของชีวิต เรื่องของทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตน ณ.วันนี้ โรครุมเร้า กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ก็อยากปฏิเสธ ดิ้นรนหาสิ่งต่างๆมาช่วยตน ด้นดั้นไปหาไม่ว่าจะไกลแสนไกล ไม่ว่าจะแพงแสนแพง เพื่อให้ตนพ้นทุกข์ ที่ไหนใครว่าดี ไปหมด
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า สิ่งที่ทำขาดพิจารณา เพียงแต่เขาว่าดี ก็ไปพึ่ง ทั้งๆที่ไม่เคยมีข้อพิสูจน์ ไม่เคยเห็นซึ่งผลอันจับต้องได้ เป็นตัวเป็นตน ก็เชื่อและทำตามหมดหัวใจ กว่าจะรู้ตัวอีกที ชีวิตก็ยากที่จะกู้กลับให้ฟื้นคืนได้ดั่งเดิม หรือ จบชีวิตไปรายแล้วรายเล่า ... ด้วยการกระทำนั้น ใช้ตาดู เชื่อในวัตถุ เชื่อในปริญญา เชื่อในความน่าเชื่อถือ เชื่อในวิทยาการ เชื่อในคำบอกเล่าต่อกันมา แม้นสิ่งเหล่านั้น หาผลที่ประจักษ์ยังไม่ได้เลย
หากแต่ศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา พูดเรื่องจริง ไม่กลอกกลิ้ง หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า มีเหง้าของศาสนา ประจักษ์เป็นพยาน มีผู้คนประสพผลเป็นตัวตนก็มากมาย น่าเชื่อถือ แต่ไม่ถูกจริต ไม่มีปริญญา ไม่มีวิทยาการ ไม่ต้องใจ ไม่อยากฟัง ไม่อยากพิจารณา และก็ไม่ทำซะงั้น
บทสรุป ท่านอาสิจึงชี้ให้เห็นว่า ด้วยศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา การหายโรคนั้น ง่ายและทำได้ แต่สิ่งที่ยากคือ ผู้อยากได้ ไม่ฟัง ไม่พิจารณา ที่สำคัญคือ ไม่ทำ เพราะเป็นศาสตร์ของผู้ทำได้ ไม่ใช่ของผู้ร้องขอ โดยไม่ต้องทำ
รากเหง้าของศาสตร์รักษาโรคตายด้วยยา ไม่เคยมีปรากฎ แต่คนเชื่อว่ามียา รากเหง้าของศาสนา อย่าว่าแต่หายโรคเลย พ้นโลก ไม่เกิดแก่เจ็บตาย มีให้เห็น กลับไม่เชื่อ ไม่ทำ ... หวังแต่จะหายโดยสบาย ด้วยเป่าเสก ด้วยเอาวัตถุมาแลก
เราจึงอยากย้อนคำของแม่ชีเมี้ยนที่ฝากหลวงพ่อนิพนธ์มาให้พิจารณา หนทางแห่งการหายโรค มีช่องทางเดียว คือ พัฒนาวิญญาณให้สูง ด้วยการลดนิสัยกรรม บางสิ่งบางอย่าง ทำนิสัยธรรม บางสิ่งบางอย่าง เพื่อมีนิสัยสร้างสุขให้ผู้อื่นเป็นอุปนิสัย ทำได้ทุกตัวคน ใครทำได้ คนนั้นรอด ... อย่าเสียเวลาไปจุดธูป อ้อนวอน ขอโดยไม่ทำ ขอให้ตาย พระพุทธเจ้าก็ไม่แม้นแต่จะแลด้วยหางตา
ท่านอาสิจึงชี้ว่า "การบูชาพระพุทธศาสนา ก็โดยการลดกิริยา แลอยู่ในความสงบ" ความเห็นความจำเป็นที่โลกเขาพูดกัน ช่วยตนไม่ได้หลอก แต่สัจจะธรรมความจริงของพระพุทธเจ้า เป็นของจริง ทำจริงได้จริง เสียได้ คนทำได้ ไปจากโลกนี้หมดแล้ว ถึงกระนั้นก็มีรากเหง้าทิ้งไว้ให้ศึกษา เดินตาม ... ทำไมไม่เดิน รอแต่ยารักษาโรค รอไปเถอะ ไม่มีวันสมหวัง มีแต่หลอกให้ทาน แล้วความจริงปรากฎ ก็พบสัจจะธรรม "เดินเข้า หามออก" จะบอกใครก็ไม่ได้