ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
เปลี่ยน
วันนี้ฟันโยก ทำท่าจะหลุดแต่ก็ยังไม่หลุด คำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ก็ลอยมา ที่ว่า เวลาเราทุกข์ ทุกข์ที่เกิดเราก็จะปฏิเสธ อยากให้หมดไปโดยเร็ว พูดง่ายๆ ก็ ดีเอา แต่ชั่วปฏิเสธไม่รับนั่นเอง เป็นอุปนิสัย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า สิ่งที่ผิดพลาดมากที่สุดของมนุษย์ เมื่อยามทุกข์มาปรากฎแก่ตนนั้น ความอยากของตนก็แสวงหาสิ่งต่างๆ ความคิด ความเห็น ความเชื่อ แล้วแต่ที่ตนมี มาทำให้ทุกข์นั้นหายไป
สัจจธรรมความเป็นจริง โดยเฉพาะทุกข์ที่เกิดกับวิญญาณ นั่นคือ โรค แสวงหาสักเท่าใด รอคอยสักเท่าใด ก็หามีสิ่งใด หรือใครช่วยตนได้เลย
ศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ชี้ให้พิจารณาว่า สิ่งที่ช่วยตนได้ มีเพียงประการเดียว นั่นคือ "ตนของตน" นั่นเอง
ผู้ที่ฟัง พิจารณา แล้วเชื่อ ก็ย่อมมองเห็นเหมือนพระภูมีทุกพระองค์ นั่นคือ "กรรม กรรมเราทำมา กรรมมันใช้ กรรมมันสั่ง แล้วเป็นทุกข์"
ท่านอาสิ จึงมุ่งชี้เหตุ ทำลายต้นตอ นั่นคือ นิสัยที่สร้างกรรม เพื่อหนีกรรมที่สร้างทุกข์ มามีการกระทำใหม่ นิสัยของพระภูมี ที่สร้างสุขให้แก่ผู้อื่นเป็นอุปนิสัย
มนุษย์ เป็นสัตว์ประเสริฐ มีปัญญา มีพิจารณา และเลือกทำได้ แลธรรมของศาสตร์พระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ก็ย่อมต้องมีคนมองเห็น แล้วทำเพื่อช่วยตน
อย่างน้อย สัปดาห์ที่ผ่าน เราก็เห็นคนป่วยชายชราท่านหนึ่ง ที่เป็นมะเร็ง นั่งรอรับสมุนไพร ในตอนบ่าย ท่านก็มองเห็นพื้นที่เปียกน้ำ เจิ่งนอง ด้วยมีฝนในวันก่อน นั่งสักพัก ก็หันซ้ายหันขวา เดินไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าว มากวาดน้ำออกจากทางเดินที่จะเข้าอาคารมะเร็ง ให้เดินได้สะดวก
บทสรุป อะไรเล่าที่เป็นแก่นสารช่วยชีวิตตน สมุนไพรหรือ นั่นแค่พี่เลี้ยง เดินไปส่ง สักพักก็ต้องทิ้งเหมือนไม้เท้า เดินเองได้ ก็วางลง พฤติกรรมนิสัยของพระภูมีต่างหาก ติดตัวเรา เป็นสมบัติไปทุกภพทุกชาติ เป็นแก่นสารสร้างการกระทำที่ดี รอเราอยู่วันข้างหน้า
ถ้าความคิดนี้เกิดขึ้น แล้วยึดเป็นสมบัติติดตัวได้แล้วไซร้ โรคอะไรก็ไม่เหลือ เพราะนั่นแหละ ตนกระทำที่ช่วยตนให้หายโรค ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า คนทั้งหลายทั้งปวง มีการกระทำ ล้วนแล้วแต่เพื่อตนเองหรือคนที่ตนคล้องกันมาทั้งหมดทั้งสิ้น การกระทำนั้น หายังประโยชน์แก่ตน หรือช่วยตนไม่ได้เลย ในยามที่ทุกข์มาถึงตน แต่การกระทำที่ยังประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น ที่ตนไม่เคยรู้จัก สติและการกระทำเยี่ยงพระภูมีนี้แหละ จะช่วยตนให้พ้นทุกข์ได้ นี่แหละนิสัยบุญ
บุญของพระพุทธเจ้า ตามศาสตร์ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จึงไม่ต้องใช้วัตถุ ปัจจัยในการแสวงหา แค่ฟังคำสอน พิจารณา แล้วทำ ให้สุขแก่ผู้อื่น ไม่ได้กระทำเพื่อตนและผู้คล้องกรรม สละแรงกายให้เป็นทานเบื้องตน แล้วก็จักเป็นคุณสมบัติ ที่ทำให้เราหยุดการกระทำที่เป็นทุกข์ คือมีนิสัยสร้างสุขให้แก่ผู้อื่น ตามมาได้ จะไปโกรธเขาทำไม จะเห็นผิดเขาทำไม จะประหัตประหารเขาทำไม ทำเช่นนั้นทุกข์ก็รอเราอยู่
ศาสตร์นี้จึงเรียก ศาสตร์แห่งปัญญา เป็นหลักปราชญ์ เอาสัจจะมาเป็นผู้นำ แล้วค่อยๆทำ ค่อยๆสร้าง จนเป็นนิสัยสันดาน แทนนิสัยกรรมเดิม คนทำได้ ย่อมเป็นคนดี มีบุญ คนมีบุญคือมีสุข คนมีสุขที่ไหนจะมีโรคอยู่กับตนได้ เพราะโรคคือตัวแทนแห่งบาป แห่งกรรม มาเพื่อสร้างทุกข์ จึงไม่แปลกเลยที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอว่า คนทำได้ จึงได้หายโรคเป็นของแถม ที่ศาสนาให้เป็นรางวัลของคนดี มีธรรม
จะเปลี่ยนโรค ก็เริ่มที่เปลี่ยนพฤติกรรม เล็กๆน้อยๆ อย่างนี้แหละ เป็นการสร้างคุณสมบัติ ให้สุขแก่ผู้อื่น จะรอ จะหวัง มียาวิเศษ กินแล้วหาย โดยไม่ต้องเปลี่ยนตนเลย รอไปเถอะ ไม่มีทางสมหวัง ไม่มีทางหายโรค
สมุนไพรถึงจะแจกเป็นทาน แต่ศาสนาเขาบุคคลิก มีผลมหาศาลเฉพาะคนทำนิสัยของพระภูมีได้ เพราะเขามีไว้ให้โอกาส คนที่ทำผิดพลาด ไม่รู้เรื่องศาสนา จะได้กลับตน เป็นคนดี เมื่อเปลี่ยนนิสัยตนได้ ก็ได้หายโรคเป็นของแถม
ส่วนคนไม่เปลี่ยน ก็ไม่ว่ากัน แต่ท่านอาสิก็ชี้ให้เห็นก่อน อย่าว่ากันน่ะ เพราะทำแบบนี้มันอาจปลอดโรค หายโรค แต่ไม่ปลอดภัย หายโรคนี้ เป็นโรคนั้น หายโรคนั้น กรรมมองแล้ว มันช้าไป โรคไม่เอาแล้ว ล่ออุบัติเหตุเลยดีกว่า พูดง่ายๆ ก็เสียเวลาเปล่าในการมานั่นเอง เพราะสรุปก็คือไม่รอดเหมือนกัน เป็นแค่เพียงแต่ยื้อ เท่านั้นเอง
เงินล้านเปลี่ยนโรค เปลี่ยนปวดเป็นไม่ปวดไม่ได้ แต่พฤติกรรมเปลี่ยน แค่ไม้กวาด เปลี่ยนโรคเป็นหายโรค เปลี่ยนปวดเป็นไม่ปวดได้ ... เชื่อหรือไม่