สมาชิกมูลนิธิไทยกรุณาท่านหนึ่งถามเราด้วยความเป็นห่วง เพื่อนสมาชิกที่สนิทกัน ผู้ซึ่งเป็นมะเร็ง มาวันนี้ เธอมีเริ่มมีอาการปวดรุนแรงขึ้น จึงถามเราว่า "ทำอย่างไรจึงช่วยเพื่อนได้ ให้หายปวด"
คำตอบที่ให้ ยกมาจากคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ชี้ให้เห็นว่า สมุฐานที่สำคัญ พระภูมีทรงชี้ว่า มาแต่ "กรรม"
การมาในสถานที่นี้ สิ่งที่ได้ในตอนแรก นั่นคือ ผลแห่งสัญญาในอดีต ส่งผลเป็นอำนาจของสมุนไพร อันเป็นการให้โอกาส เมื่อใดก็ตามที่สัญญาเดิมหมดลง แต่ไม่พอจะลบล้างกรรมที่เกิด ณ.วันนี้ลงไปได้ นั่นก็หมายความเกินกำลังของสมุนไพรแล้ว จึงต้องอาศัยบุญของพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องช่วย
แลเมื่อบัญญัติที่แม่ชีเมี้ยนให้ว่า เวลานี้ ไม่มีหนทางบุญอื่นใดเหลือให้แก่คนไทยแล้ว นอกจากการทำนิสัยเท่านั้นเอง ก็สรปคำตอบว่า "ชี้หนทางบุญให้เพื่อนไปสิ โน่นไง อยากรู้ อยากทำ ก็ไปเรียน ไปทำ ที่แผ่นดินลพบุรี"
คำตอบที่ได้ .... ยาวเป็นหางว่าว สรุป คือ มีความจำเป็นร้อยแปด พันประการ ที่ไปไม่ได้ ขอทานสมุนไพรเยอะๆ แล้วดีขึ้นเหมือนตอนมาใหม่ๆ เพียงประการเดียว
มา ณ.วันนี้ ก็เลยต้องหยิบตกคำตรัสของแม่ชีเมี้ยน เมื่อครั้งถ้ำกระบอก ในวันที่พระของท่าน เปลี่ยนพฤติกรรม ไปรับเงิน รับชื่อเสียง ... ที่ตรัสว่า "เราจะไปกันอย่างไรหนอ ถ้าเราไม่เอาธรรมของพระโคดมเลย"
คำถามที่จะถามกลับไป ที่ซึงชวนให้สงสัยนัก ก็ไหนบอกอยากหาย แต่ไม่ทำ ไม่เอา ไม่สน ไม่มีเวลา ให้แก่การสร้างบุญเลย นี่ทำเพื่อตน มิใช่ใครอื่น ฤาแม้นแต่ตนของตน ก็ไร้ค่า ไม่รัก แลก็น่าแปลก ที่จะไปบอกรัก บอกห่วง ผู้อื่น นี่แลชีวิตจริงที่น่าฉงน
บทสรุป คำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ที่ทิ้งไว้ให้ อยากยกมาย้ำเตือนสติ นั่นคือ "เลิกพูดถึงอาการที่เป็นเสียเถอะ วันนี้ต้องมาคุยเรื่องนิสัยกันดีกว่า ไม่สนหรอกว่าที่เป็นใครจะว่าหนักหนาสักเพียงไร ใครเปลี่ยนได้ ทำนิสัยพระภูมีให้มีในตนได้ รอดแน่นอน"
เมินธรรม ก็เท่ากับปิดประตูรอดนั่นเอง อ้ายคนไหนที่อ้างตนว่าแน่ ว่าเก่ง นั่นมีพฤติกรรม "ท้ากรรม" วันหนึ่งมันก็ต้องตกในวลี "หมองูตายเพราะงู" อย่างแน่นอน อวดรักษาโรคคนนั้นคนนี้ได้ มันก็ตายด้วยโรค ฟ้องตัวมันเองนั่นแหละ
หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้ดูว่า คนมีบุญบาปวัดกันที่เวลาตาย คนที่ปฏิเสธ ไม่รับผิดชอบใน กายตน อันเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ยืมเขามาใช้ เวลายืม ก็ได้แต่ของดี แต่เวลาคืน สภาพกระหรุ่งกระหริ่ง แล้วก็พูดเอาง่าย ตายไปก็จบ ไม่รู้อะไรแล้ว อยากให้ไปฟัง ที่พระสวดสังคหะ ในวันงานอีกหลายๆครั้ง ฟังให้ซึ้ง พิจารณาให้ดี แล้วจะได้หายสงสัยว่า ทำไมคนเหล่านั้น คำสั่งเสียสุดท้าย จึงเป็นดั่งในบทสังคหะนั่น เมื่อรู้ว่าตายแล้วไม่จบ แลร่ำร้องเสียดายที่ตนนั้นได้เห็น ศาสนา ต่อเมื่อถึงเวลาตาย