วลีที่กล่าวว่า การพบกันมิใช่เหตุบังเอิญ ต้องมีพรหมลิขิตร่วมกันมาในอดีต วันนี้จึงมาพบกัน นั้นมิผิดเลย
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า คนที่เวียนว่ายมาในแผ่นดินนี้ก็เช่นกัน ย่อมต้องมีตัวกระทำกับศาสนา มาในอดีตแล้วเป็นสัญญา จึงชักพามาให้ได้เจอศาสนาอีกครั้งในวันนี้
จะเรียกว่า เป็นบุญเก่า ก็ว่าได้ แต่หากมองในแง่ของศาสนา ก็ถือว่า เป็นเจ้าหนี้ของศาสนา จะด้วยข้าว ด้วยน้ำ หรืออื่นใดก็ตาม ที่ทำต่อ ตัวแทนของศาสนา ไม่ว่า กับพระพุทธ หรือ พระสงฆ์ ในครั้งยุคพระโคดม นั้นเอง
ด้วยบุญในอดีตนี้เองเป็นทุน เมื่อเวียนว่ายมาในแผ่นดินศาสนา หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เมื่อทานสมุนไพร ก็จะเป็นอำนาจ ช่วยฟื้นฟุตน ในระยะแรกได้เป็นอย่างดี
ความหมายของสิ่งนี้ นั่นคือ โอกาส หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า นี่แหละคือช่วงโอกาสทอง หากแต่ปัญหาที่สำคัญ นั่นคือ คนผู้นั้นเมื่อมีสภาพที่ดีขึ้นแล้ว จะหยุดหรือสร้างบุญต่อ
หากได้เวียนมาในศาสนา แล้วฟังธรรมคำสอน ก็หาได้ใส่ใจ ด้วยพอใจในสภาพแห่งอำนาจสมุนไพร อันเป็นบุญเก่าที่ทำมา ความจริงก็ย่อมปรากฎ เมื่อใช้บุญไป บุญก็ย่อมหมด ในวันใดวันหนึ่งเป็นแน่แท้ ทีนี้ก็ต้องวัดกันละว่า บุญเก่าแห่งตนนั้นเพียงพอต่อ ปัญหาหรือทุกข์ในวันนี้ หรือไม่ หากเพียงพอ การหายโรค ก็เป็นไปได้
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงยุยงปลุกปั่น พยายามสอน เพื่อให้เราท่านที่มีเชื้อเดิม ในอดีต ได้มาประพฤติปฏิบัติ สร้างบุญต่อ ด้วยนิสัยของพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง หรือ เพื่อความปลอดภัยแห่งชีวิต
ศาสตร์สมุนไพร จึงมีสองช่วง สองตอน ในการช่วยตน คือ "สมุนไพรล้างโรค บุญล้างกรรม"
เราจึงอยากเตือนท่านทั้งหลาย เหล็กต้องตีเมื่อร้อน นั่นคือ เมื่อสภาพดีขึ้น ก็ควรเร่งรีบ เรียนรู้ พิจารณา แล้วปฏิบัติตามธรรมคำสอน หากปล่อยเวลาทอดไป จนเลยวันเวลาที่ตนมี หากยังไม่สามารถพ้นโรค พ้นทุกข์ ทีนี้ก็จะในสภาพ ตีงูตีไม่ตาย แล้วโดนแว้งกัด สภาพการก็จะหวนคืนมา ทีนี้การจะฟื้นฟูตน ก็เป็นเรื่องยาก เพราะสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยแล้วนั่นเอง
ทุกคนที่มาจึงมีโอกาสในการฟื้นฟูตนได้ทั้งหมด แต่จะประสพผลหาใช่ทุกตัวคนไม่
แลด้วยเหตุนี้ อย่าไปคาดหวังที่จะชวนคนที่ตนรู้จักมาที่นี่ อยากให้หาย อยากให้ดีเหมือนตน เพราะนั่นไม่ง่ายเลย หากไร้บุญหนุนส่ง กรรมเขาไม่ยอมง่ายๆหรอก ดีไม่ดี จะโดนด่าว่า บ้า ทุกวันนี้ เทคโนโลยีเขาไปถึงไหนแล้ว หมอเขาเก่ง เครื่องมือเขาดี .... จะมาเสี่ยงกับสมุนไพรหรือ