ความปรารถนาของหลวงพ่อนิพนธ์ และกลุ่มคนที่มาร่วมกิจกรรม เมื่อเห็นตรงกันในคุณค่าของสมุนไพร ก็มุ่งหวังที่จะทำให้ทางเลือกนี้ได้แพร่กระจายไปยังคนที่ต้องการมากที่สุด
หากแต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ มีหลายประการ สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาหลักนั่นคือ การผลิตสมุนไพร ในปัจจุบัน เป็นสมุนไพรสด ที่ทำให้อายุในการเก็บรักษา ให้มีคุณค่าคงเดิม มีอายุค่อนข้างจะสั้น และที่สำคัญ การนำพาและเตรียมค่อนข้างจะยุ่งยาก
ปัญหานี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะสามารถแก้ไขด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันได้ ทั้งนี้หลวงพ่อนิพนธ์ได้ปรึกษาบริษัทผู้เชี่ยวชาญในการทำเครื่องจักรแก่ผู้ผลิตสมุนไพร และทดลองทำในสมุนไพรชนิดที่มีปัญหาในการพกพา
สมุนไพรหลักอย่าง ยาเขียว ทดลองทำในรูปเดียวกับชาลิปตัน ผ่านการสเปรย์ดาย แล้วเก็บในรูปเดียวกันในถุงชาลิปตัน เป็นซองๆ เวลาทานก็มีเกล็ดของน้ำปูนใส ชงกับน้ำ กลับมาเป็นยาเขียวที่ยังทรงคุณค่าได้เหมือนเดิม ผ่านการทดสอบแล้ว สามารถเก็บได้ถึงสามปี
สมุนไพรน้ำ อาทิ ยาปอด เบาหวาน ขาตั้ง ก็ทำการระเหยน้ำออก จนเข้มข้นกลายเป็นไซรับ แล้วทานทีละช้อน แทนที่จะเป็นแก้วเช่นในปัจจุบัน ขนาดของขวดก็จะเล็กลงพกพาง่าย
ดังนั้น ปัญหาการแปรรูป ก็แก้ได้ด้วยความพร้อมทางด้านการเงิน เท่านั้นเอง สามารถทำได้เมื่อพร้อม
แต่ปัญหาหลักจริงๆ อยู่ที่วัตถุดิบ คือ ใบยาเขียว ที่ประสพปัญหามาตลอดในอดีต ทำให้ปริมาณที่จะแจก ก็ตามสภาพที่เก็บได้ในแต่ละช่วงเป็นหลัก
การกลับมาคราวนี้ของหลวงพ่อนิพนธ์ และการได้ไปฟื้นฟูสถานที่ อันเป็นที่ที่แม่ชีเมี้ยนเปลี่ยนผ้าครองตน จากสีขาวมาเป็นสีกลัก และพาพระขึ้นถ้ำกระบอก เมื่อปี ๒๕๐๐ ที่ลพบุรี ก็พบสิ่งมหัศจรรย์ ที่เรียกว่า ฟ้าดินเขาเกื้อหนุน
นั่นคือ สถานที่ที่ผ่านไปผ่านมาในอดีต แต่ไม่เคยเห็นต้นยา กลับปรากฎเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นยา นับหมื่นต้น เท่ากับว่า ฟ้าดินเขาเตรียมและเปิดทางให้แล้วนั่นเอง
หากแต่สิ่งหนึ่งที่แม่ชีเมี้ยนทรงเตือน หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า การทำแบบเดิมที่ให้คนทั้งหลาย มุ่งหวังแต่สมุนไพรเพียงอย่างเดียว หนทางนั้นยากที่จะประสพผล
ดังนั้น หนทางดั้งเดิมที่แม่ชีเมี้ยนทำให้ดูครั้งถ้ำกระบอก จึงถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง โดยเฉพาะคนป่วยที่อาการสาหัส เจียนอยู่เจียนไป นั่นคือ การที่ให้ทานสมุนไพรไปควบคู่กับการปฏิบัติธรรม ของพระภูมี นั่นคือ ต้องมีตัวกระทำ กาย วาจา ใจ ควบคู่กันไป
บทพิสูจน์อันนี้ ทำให้ระยะนี้ คนไข้หนักที่เชื่อ ก็จะถูกชักชวน ให้เดินทางสายนี้ เรียกว่า เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เป็นกลุ่มแรก ที่จะทำให้คนทั้งหลายได้เห็น ความเฉียบขาดของอำนาจธรรม ที่ใครมาปฏิบัติและทำตาม มีอำนาจเปลี่ยนพรหมลิขิตจากร้ายกลายเป็นดีได้อย่างเฉียบขาด รวดเร็ว
ดูอย่างแม่ชีท่านหนึ่ง ที่เป็นมะเร็งขั้นสี่ รักษาจนหมดตัว หมอทิ้ง เมื่อมาเดินแนวทางนี้ ตอนมาเดินยังแทบไม่ไหว ต้องมาถือวินัย กินมื้อเดียว และต้องทำกิจกรรมอีก ตลอดวัน แต่ท่านก็สู้
ผ่านวันคือ อย่างยากลำบาก ผ่านอาการ ถ่ายเป็นเลือดเป็นกระโถน จนหลวงพ่อนิพนธ์ต้องถามว่าไหวไหม ไม่ไหวก็ไปให้หมอให้เลือด ให้น้ำเกลือ แม่ชีท่านก็สู้ มาจนวันนี้ ท่านกลับมาช่วยตัวเองได้เหมือนคนปกติ
ดูวินัยแล้วช่างโหดร้ายเหลือเกิน คนไม่มีแรง กลับให้ทานมื้อเดียว แถมยังต้องทำงาน ทำกิจกรรม ต้องสวดมนต์ ต้องฟังธรรม
แต่นี่แหละ สิ่งที่แม่ชีเมี้ยนตรัสบอก ทุกข์กับวินัยของพระภูมี เพื่อใช้กรรม ดีกว่าทุกข์กับโรค
เมื่อแนวทางนี้เจริญเติบโต เป็นที่ประจักษ์ นั่นหมายความว่า แนวทางที่คนทั้งหลายจะมาเพื่อทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว มาแล้วก็หาที่นอน หาที่ช๊อป ของถูก ย่อมต้องเล็กลง อย่างแน่นอน
หลักของแม่ชีเมี้ยน จึงได้ชื่อแต่โบราณถ้ำกระบอก ว่า หลักกรรมกร กินแล้วไม่นอน .... จะมาใช้แนวทางนี้ นั่งนอนไม่ทำอะไร คอยแต่ติโน่นตินี่ ... ต่อไปคงยากแล้ว
แลเมื่อทุกคนเข้าใจ เดินตามครรลองเดียวกัน สมุนไพรก็พร้อมจะแจกจ่ายไปทุกที่ นั่นหมายความว่า มูลนิธิไทยกรุณา ก็พร้อมที่จะเปิดสาขาไปยังทุกทิศทั่วประเทศไทย ตามคำร้องขอในแต่ละภูมิภาคที่อยากให้ไป
ในอนาคต จึงน่าที่จะเป็นที่รู้กันว่า คนที่จะมาทานสมุนไพร แล้วหวังผล คนผู้นั้นต้องมีความอยากที่สำคัญ คือ อยากเป็นคนดี มิใช่อยากหายโรค เพราะคนดีเท่านั้น ที่คู่ควรได้รางวัลคือ การหายโรค เป็นของแถม ไม่ใช่โจรที่หวังมาโฉบเฉี่ยว เอาแรงที่ได้ไปทำความชั่วต่ออีกอย่างแน่นอน
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงเตือนย้ำอีกครั้ง ศาสน์กำลังเกิด พระพุทธเจ้าใกล้จะประกาศตน ทุกสรรพสิ่งจึงเพิ่มความรุนแรงมหาศาล ความเลวร้ายสุดๆ กำลังมาเยือน เพื่อรอให้พระพุทธเจ้าแสดงบุญญาธิการมาดับยุคเข็ญ เมื่อกรรมมาแรง ธรรมของพระพุทธเจ้าก็แรงเช่นกัน จะมาเอาผล จากสมุนไพร โดยไม่มีตัวกระทำ วันนี้คงไม่ได้แล้ว
นั่นหมายความว่า การหายโรค ขึ้นกับตัวกระทำของคนผู้นั้นเป็นหลัก ที่จะชี้วัดว่า หายไม่หายนั่นเอง