ศาสน์ แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า เป็นของนอกโลก มีแต่พระพุทธเจ้าที่รู้
เมื่อสิ้นพระพุทธเจ้าแลสาวกในแต่ละยุค นั่นหมายความว่า เรื่องของศาสน์จึงกลายเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครรู้จริง กลายเป็นเรื่องเล่าขานต่อๆกันมา ถึงบุญญาธิการของศาสน์ แลพระพุทธเจ้า
หากแต่คนที่เห็นช่อง ก็แต่งเสริมเติมเรื่อง บิดเบือนเอาประโยชน์ใส่ตน จนมาทุกวันนี้ กลายเป็นว่า คำสอนของพระภูมี ที่ให้เดินไปทางซ้าย แต่งซะจนมนุษย์หลงเชื่อเดินไปทางขวา จึงไม่แปลกว่า ทำไมทุกวันนี้ มนุษย์วิ่งหาบุญ สร้างบุญ แต่ไม่เจอบุญ สักกะผีก มาช่วยตนยามทุกข์ หรือเวรกรรมมา จนกลายเป็นคำตัดพ้อ ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดีมีถมไป
ความไม่รู้ในเรื่องศาสน์ จึงไม่ตื่นตัว และไม่ตื่นตระหนก ในสิ่งที่กำลังจะเกิด ประการแรก ก็คือ ไม่รู้ว่า การอุบัติของพระพุทธเจ้า จะครบรอบแลบังเกิด ทุก ๒๕๐๐ ปี
นั่นก็หมายความว่า ณ.วันนี้ พระพุทธเจ้า ท่านทรงอุบัติขึ้นในโลกแล้ว หากแต่รอเพียงการประกาศตน เท่านั้นเอง
สิ่งที่สำคัญยิ่ง ที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น นั่นคือ ไม่รู้ว่า เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงต้องรอ หรือรออะไร
คำอรรถาธิบาย ในเรื่องนี้ ก็คือ รอกรรมเวร ที่มนุษย์สั่งสมกันมา ในช่วงที่ขาดศาสนานั่นเอง
กรรมเหล่านี้ กำลังจะประเดประดังเข้ามา ถาโถมใส่มนุษย์ ทุกทิศทุกทาง เพื่อหยุดความอหังกาของมนุษย์ ที่คิดว่า โลกนี้ตนวิเศษ เหนือเวร เหนือกรรม สามารถสร้างสรรพสิ่ง ที่ท้าทาย ธรรมชาติได้
แลนิสัยที่พอกพูนนี้เอง จะย้อนกลับมาทำลายมนุษย์เอง เป็นมหาภัยพิบัติ ทุกรูปแบบ เรียกว่า เข้าสู่ยุคเข็ญ
นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์รอ รอมนุษย์จนตรอก ถูกภัยพิบัติถาโถม จนหมดหนทาง แลร้องหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธเจ้าจึงปรากฎโฉม แลสอนให้มนุษย์ปฏิบัติธรรม เพื่อดับยุคเข็ญนั้นเสีย
นี่จึงเป็นเหตุให้ ทำไมคนทั้งโลก ที่ไม่ชอบพระพุทธเจ้า แต่ก็ต้องยอมรับในบุญญาธิการ จนเชื่อว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งศํกดิ์สิทธิ์ ทำแล้วช่วยตนได้ จึงส่งคนของตนมาเรียนรู้ รับข้อปฏิบัติ ไปทำ เกิดเป็นศาสนาต่างๆ ที่ล้วนแล้วมีรากเหง้ามาจากพุทธศาสนานั่นเอง
จึงไม่แปลก ที่ไม่ต้องมีวิชาโหร ไม่ต้องเรียนตำรา เมื่อรู้เรื่องศาสนา จึงบอกได้เลยว่า เมื่อวันเวลามาถึง ศาสนาก็จะกลับกลายมาเป็นหนึ่ง เราจึงเชื่อในคำกล่าวว่า หินศํกดิ์สิทธิ์ ที่เก็บความลับนี้ ว่ารากเหง้าที่มา ของศาสนาที่ตนนับถือ วันหนึ่ง มันจะแตกออก แล้วจะพบว่า เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ปัญหาที่หลวงพ่อนิพนธ์ย้ำเตือน แลชี้ให้พึงระวัง นั่นคือ การกระทำใดที่เป็นการทำลายศาสนา บิดเบือนคำสอน ย่อมส่งผลรุนแรงเป็นทวีคูณ
จึงชี้ว่า ประเทศต่างๆ ที่เคยเป็นต้นของพระพุทธศาสนา ในยุคนั้นๆ หากทำผิด ผลแห่งการกระทำจึงรุนแรงยิ่งนัก
ความเด่นชัด ของคำสอนของพระภูมีทุกยุคทุกสมัย หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า "มีไว้เพื่อสร้างมนุษย์" ดังนั้น ผู้ละโมบ บิดเบือนเอาไปสร้างวัตถุ ฉิบหายแน่
เนปาล ต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้ากุสันโธ จัดไปเล็กๆ พม่า ต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้า กัสปะ สร้างเจดีย์มากมาย ก็จัดไป
แลยุคนี้ ควรที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติในประเทศไทย แต่คนไทยทำลายสิ้น แถมยังบิดเบือนคำสอน สร้างวัตถุเต็มบ้านเต็มเมือง ความรุนแรงของภัยพิบัติ จึงน่ากลัวยิ่ง
คำในอดีตที่ว่า ผู้ดีเดินตรอก ขี้คลอกเดินถนน จะได้รู้ความหมายที่แท้จริงในไม่ช้า ว่าพระพุทธเจ้าทรงหมายถึงอะไร
เราท่านจะได้เห็นมนุษย์กระป๋อง ได้เห็น ดิน น้ำ ลม ไฟ สร้างมหันตภัยพิบัติ ได้ประสพเชื้อที่ถูกฝังในดินนับพันปี พุ่งขึ้นฟ้า แพร่ไปในอากาศ สร้างทุกขเวทนามหาศาล
ด้วยความเมตตาของแม่ชีเมี้ยน จึงทิ้งตำรานี้ไว้ให้ สำหรับคนกลุ่มเล็กๆ ที่เชื่อ ศรัทธา ในพระพุทธศาสนา แล้วทำตาม ไว้เป็นทางรอด
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้าว่า กิจกรรมที่ทำ ไม่ใช่มุ่งเน้นที่คนหายโรค หากแต่เป็นไปเพื่อทางรอดจากภัยพิบัติ สำหรับคนที่เชื่อ แล้วทำตาม ธรรมคำสอนของพระภูมี ส่วนหายโรคนั้นเป็นของแถม
ฤาจะเรียกว่า ทำตนรอพระพุทธเจ้า ก็ว่าได้
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เมื่อมาแล้ว ฟังแล้ว พิจารณาแล้ว ไม่ทำ ... ก็ไม่ควรมา เสียเวลาเปล่า
เรื่องของศาสนา จึงเป็นเรื่องของคนกลุ่มเล็กๆ คนที่บอกว่า จะทำให้ศาสนารุ่งเรือง ขยายไปทั่วโลก คนเหล่านั้นมันไม่รู้เรื่องศาสนา ก็พระโคดม ที่ทรงเป็นพระพุทธเจ้าที่เพรียบพร้อม ยังมีสาวกไม่ถึงแสนองค์ คนส่วนใหญ่ เข้าข่าย รู้ว่าดี แต่ไม่เอา เพราะทำไม่ได้ เขาอยากได้บุญ ด้วยการขอ ไม่ต้องทำอะไร
ใครมามูลนิธิเพื่อสมุนไพร ช่างน่าเสียดายยิ่ง หากแต่มาเพื่อเรียนรู้เรื่องศาสนา ขอธรรมไปปฏิบัติ เพื่อช่วยตน ทำตนเป็นคนดี นั่นมาถูกทางแล้ว ส่วนสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์ท่านแถมให้ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การปฏิบัติสมดังปรารถนา
ที่นี่ ชวนท่านมา เพื่อทำตนรอ ... รอพระพุทธเจ้า ที่กำลังจะปรากฎโฉมให้โลกเห็น ในแผ่นดินพม่า
แลกลุ่มคนที่รวมกัน ก็คงไม่มากมาย แต่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ใครจะว่าบ้าก็ช่าง หัวเราะทีหลังดังกว่า เพราะเราท่านที่เชื่อแล้วทำตาม จะสามารถยืนหยัด แลพ้นภัยพิบัติอันนี้ได้ และจะได้ใช้ พ.ศ. ที่ ๑ ของพระพุทธเจ้าองค์ใหม่อย่างแน่นอน
เมื่อรู้เรื่องศาสน์ แม้เพียงผิวเผิน ก็จะรู้ได้เลยว่า พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น ไม่มีแน่ ใครที่บอกว่า ประเทศไทยจะเจริญในทศวรรษนี้ เราก็ได้แต่แอบหัวเราะ เพราะมันไม่มี พ.ศ. นั้นอย่างแน่นอน
รอดูไป อีกไม่นาน แล้วจะรู้ว่า สารพัดหมอดู มันมั่วทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ เพราะเรื่องสำคัญระดับโลกเช่นนี้ ยังไม่รู้เลย