ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558
หาสุขไม่เจอหรือไม่หา
คนที่มาหาพระภูมี ล้วนแล้วแต่คนอยากมีสุข เพราะเห็นแล้วว่าสิ่งที่ตนมีตนเป็น นั้นเป็นทุกข์
แลทุกข์อย่างหนึ่งที่ไม่ว่าร่ำรวยยากดีมีจน หนีไม่พ้น เป็นวัฐจักร หนึ่งในสี่ที่พระภูมีทรงตรัส นั่นคือ ความเจ็บ
นั่นคือ เป้าหมายหลักของการมาสถานที่ของแม่ชีเมี้ยน ก็เพื้อพ้นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความเจ็บ
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า ทุกคนอยากมีสุข แต่แสวงหาผิด เพราะพระภูมีทรงตรัสสอนว่า ให้สุขแก่เขา สุขนั้นถึงตัว
เราท่าน มุ่งหาสุขที่ตัว มันจึงไม่ได้สุข หลอกตัวเองไปเรื่อยๆว่าสุข วันหนึ่งก็ต้องรับความจริง เมื่อกายเจ็บ ทีนี้สิ่งที่ใช้หลอกตน บ้านใหญ่ ที่นอนนุ่ม อาหารดี ดนตรีเพราะ มันไม่ให้สุขแล้ว
เมื่อมาสถานที่นี้ อยากได้สุข คือ ไม่เจ็บ หรือหายโรค หลวงพ่อนิพนธ์ก็ชี้ช่อง ก็สถานที่นี้เป็นที่รวมคนทุกข์ การกระทำใดที่ให้สุข แก่คนทุกข์ ย่อมย้อนมาเป็นสุขแห่งตน
ภาพที่เห็น ในสำนักที่บ่อพลอย เราจึงเห็นการพยายามสร้างสุขให้ผู้อื่น อย่างมหาศาล ไม่ว่ารดนำ้ ดูแลต้นสมุนไพร ถางหญ้าให้เดินสะดวก สร้างสถานที่ให้คนป่วยพักได้อย่างสะดวกพอควร ผลก็คือ คนไข้หนักที่ไปพำนัก แล้วทำตาม ดีวันดีคืน
แต่ภาพที่เห็นในมูลนิธิ ช่างแตกต่าง แบ่งออกเป็นสองขั้ว ฝ่ายหนึ่งฟัง เชื่อ ก็ทำตาม เป็นจิตอาสา ล้างขวด ทำสมุนไพร ทำอะไรก็ได้ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ทำอะไรเลย ซ้ำยังทิ้งขยะ ซุกตรงนั้นตรงนี้ เกลื่อนกลาด หญ้าสักต้นก็ไม่คิดถอน น้ำสักกระป๋องก็ไม่คิดรดต้นยา นั่งติ คนทำตลอด ทำไมกระโจมไม่ร้อน ทำไมแจกยาช้า ทำไมยาไม่พอ ทำไมไม่ทำโน่น ไม่ทำนี่ ...
ตำราก็เรียนเล่มเดียวกัน คนสอนก็คนเดียวกัน ที่มาก็มาจากแม่ชีเมี้ยนเหมือนกัน แต่ฟังแล้ว ทำคนละอย่าง
ศาสน์จึงบอกปฏิเสธ ไม่ใช่ ไม่ใช่ และไม่ใช่ มาทานสมุนไพร เพียงอย่างเดียวแล้วหายโรค สมุนไพรหม้อเดียวกัน สองคนทานผลก็ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งหาย อีกคนอาจตาย ก็เห็นกันอยู่มากมาย
นั่นจึงเป็นวลี ที่กล่าวว่า ใครทำ ใครได้
ทำอะไร ก็ทำสุขให้คนอื่น อยากสุขมาก ก็ให้สุขแก่ผู้อื่นมากๆ
คำตอบสำหรับคนที่กล่าวว่า ทำไมไม่หาย จึงต้องย้อนไปว่า สุขที่ท่านอยากได้ ท่านหาไม่เจอ หรือไม่หา
ฤามาที่นี่ ท่านไม่เห็นคนทุกข์ ที่ท่านจะสามารถให้สุขแก่เขาได้เลยหรือ
แม้นแต่ความอดทน รอคอย เดินเป็นแถว ให้คนที่ลำบากกว่าไปก่อน ยังให้ไม่ได้ ก็แล้วจะเอาสุขอะไรมาย้อนสู่ตนเล่า
ภาพของศาสน์ สุข สงบ อาศัยซึ่งขันติ อดทน หากแต่ว่าถ้าเราท่าน ยังใช้นิสัย หาสุขให้ตายก็หาไม่เจอ เรื่องหายโรค ยิ่งห่างไกล
อะไรก็จะแต่ตน แสวงให้ตนก่อน แสวงให้ตายได้แต่ทุกข์ อยากได้สุข ต้องแสวงหาคนทุกข์ก่อน แล้วให้สุขแก่เขา นี่แหละหลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า สุขจะย้อนมายังตน
ประเภทไม่เอาใคร ไม่สนโลก ใครจะตายช่างมัน ... อุปมาเหมือน พระโคดม เมื่อครั้งสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วพิจารณานิสัยมนุษย์ เห็นว่าธรรมที่บรรลุ นั้นทำยาก จึงตัดสินใจ อดอาหาร
ครั้นฟ้าดินเตือนสติ ว่าหากพระโคดมทำเช่นนั้น จะมีบุญที่ไหนไปนิพพาน จึงต้องกลับมาเสวยอาหาร และโปรดสัตว์ จนได้สาวกเกือบแสนรูป
เวลาทำบาป ก็อาศัย มนุษย์และสัตว์ เวลาจะหาบุญ หาสุข ไม่เอามนุษย์ ไม่เอาสัตว์ใดๆเลย ... หาให้ตายก็ไม่เจอ มีแต่บุญลมๆแล้งๆ ฝันเอาว่าได้บุญ สร้างวัตถุได้บุญ ครั้นกรรมเวรมา บุญที่ฝันก็ช่วยตนไม่ได้เลย
เราจึงยกคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ที่สอนพระ มาให้ฟังว่า เวลาฉัน ก็ให้ตักเฉพาะที่จะทาน ทานเหลือก็เป็นหนี้ พระจึงตักเฉพาะพอฉัน หลวงพ่อนิพนธ์ก็บอกว่า ทำเช่นนั้นไม่ได้ เวลาฉัน ก็ต้องเหลือไว้สักช้อนสองช้อน ให้เป็นอรทานแก่สรรพสัตว์
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า จะหาสุข จึงเลยมนุษย์และสัตว์ ไม่ได้เลย อยากสุข ก็ต้องให้สุขผู้อื่นก่อน มิใช่แสวงให้ตน สุขจึงย้อนมายังตน