การฟื้นฟูตน หากทำได้ตามคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ วันหนึ่งก็ต้องจบ
หากแต่การหายโรค ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ที่สถานที่ของแม่ชีเมี้ยนมี แลไม่ใช่จุดหมาย เป็นแต่เพียงของแถมเท่านั้นเอง
การฟื้นฟูที่แท้จริง คือ การพัฒนาจิตใจ หรือ พัฒนาวิญญาณ ของตนให้สูงขึ้น โดยอาศัย ธรรมคำสั่งสอนของพระภูมี
เมื่อใจสูง กายก็จะสูงตามไปด้วย เมื่อใจสูง การหายโรคไม่ว่าโรคใด จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะคนใจสูง ก็คือ คนดีนั่นเอง
หน้าที่ของสมุนไพร ก็เป็นแต่พี่เลี้ยง ที่ให้โอกาสคน ในการทำความดี หรือ พัฒนาตนให้ใจสูงนั่นเอง
ใจยิ่งสูงเพียงใด มีธรรมนำตนมากเพียงใด สมุนไพรที่ทานก็ยิ่งมีฤทธิ์มากฉันนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า สมุนไพรมีวิญญาณ รับรู้พฤติกรรมของคนทาน
วิทยากร ท่าน อ.อร่าม จึงใช้คำว่า ทานหนึ่งได้สิบ หรือ ได้ร้อย นั่นเอง นั่นก็คือ เมื่อพัฒนาตนได้ถึงระดับที่ศาสน์กำหนด การทานสมุนไพรเพื่อช่วยตน ไม่จำเป็นต้องทานมาก ก็เพียงพอในการช่วยตนแล้วนั่นเอง
อ.อร่าม อุปมาภาพให้เห็นว่า ผลแห่งการกระทำด้วยใจ ให้ภาพความแตกต่างอันมหาศาลเป็นที่ประจักษ์ โดยเปรียบเทียบสองสถานที่ให้ฟัง หนึ่งคือที่มูลนิธิในปัจจุบัน ที่หลายคน อยากจะได้สมุนไพรเยอะๆกลับบ้าน มีสมุนไพรแจกกลับบ้านทุกคน แต่ผลแห่งความสำเร็จ ก็เรียกได้ว่าไม่มากนัก
หากเทียบกับ อดีตที่มีการแจกสมุนไพร ณ.สวนสมุนไพร ที่มีพระดูแลกำกับ ที่ตั้งอยู่ อ.บ่อพลอย อันเป็นที่กันดาร กลางวันก็ร้อนสุดประมาณ น้ำก็ไม่มี สถานที่ก็ไม่เอื้ออำนวย
แต่ผู้คนที่หลั่งไหลไปที่นั่น แห่กันไปแต่เข้ามืด แล้วก็รอ เพื่อที่จะได้ทานสมุนไพรเขียว เพียงครึ่งแก้วเป๊ก สมุนไพรมะกรูด ก้อนหนึ่ง สมุนไพรน้ำผึ้งก้อนหนึ่ง ยามะพร้าวครึ่งแก้ว แล้วก็กลับบ้าน โดยไม่มีอะไรติดมือกลับไปเลย
หากแต่ผู้สำเร็จช่วยตนเองได้ ดูจากกองไม้เท้าที่คนป่วยทิ้งไว้พะเนินทึนทึก จนพระต้องนำมากองรวมไว้แล้วเผาทิ้ง
คนเหล่านั้นมากันแต่เช้า พกน้ำมาจากบ้าน ติดเครื่องมือมา มาถึงระหว่างรอ ก็ช่วยกันพรวนดิน รดน้ำ ต้นยา เก็บกวาดสถานที่ ในระหว่างรอทานสมุนไพร
ทานแก้วเดียว หายกันจนร่ำลือ ผู้คนแห่กันมาเป็นเรือนหมื่น ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี จนท้ายที่สุด หลวงพ่อนิพนธ์ก็จำต้องปิดไปก่อน เพราะทานคลื่นมหาชนไม่ไหว
ย้อนกลับมามูลนิธิ คนที่ใช้แนวทางเดียวกันกับที่สวนสมุนไพร แม้นอาการจะสาหัส หมอทิ้ง ก็ช่วยตนได้เช่นกัน
ตัวอย่างที่เด่นชัด ก็คุณปรียานุช ปานประดับ ที่หมอบอกว่า กระดูกเธอพร้อมที่จะป่นแหลก หากกระทบสิ่งใดๆ แลไม่มีวันกลับมาเดินได้อีกอย่างแน่นอน วันนี้ของเธอก็กลับมาเดินได้อย่างสมบูรณ์
ช่วงพื้นฟูตัว ก็อุทิศแรงกายมาช่วยกิจกรรมของมูลนิธิ ดูแลห้องน้ำ รวมถึงเป็นคณะกรรมการของมูลนิธิด้วยเช่นกัน
วันนี้ของเธอ เรียกว่าฟื้นฟูตัวได้จนถึงระดับที่น่าพอใจ เธอก็ขอลาออกจากกรรมการ ด้วยกิจการของเธอและคุณนพพล ตอนนี้กำลังรุ่งเรือง เฟื่องฟู ต้องกลับไปดูแล โดยเฉพาะด้านการตลาด ทำให้ไม่มีเวลา
สิ่งนี้ก็ทำได้ เมื่อผ่านช่วงวิกฤตแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาผูกติดกับมูลนิธิไปจนวันตาย ไม่ใช่ ไม่ใช่
แลก็เช่นเดียวกัน หลวงพ่อนิพนธ์สอนเสมอว่า ในช่วงเวลาการฟื้นฟู วางความเชื่อของตนในโลกไว้ก่อน มาทำตามคำสอนของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ช่วยตนก่อน ครั้นพอช่วยตนได้ จะกลับไปหยิบยกความเชื่อตน มาดำเนินต่อ ก็ไม่ว่ากัน
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ช่องว่า เมื่อช่วยตนได้ ก็พิจารณาว่า เราท่านรอดมาด้วยพฤติกรรมเช่นไร หากสามารถนำไปใช้ต่อ ก็ย่อมทำให้ชีวิตรอดปลอดภัย หากแต่จะย้อนไปทำดั่งเดิมเหมือนก่อนมา ... แม้นจะพ้นโรคในวันนี้ ก็ใข่ว่าจะพ้นในวันหน้า หรือ ไม่พ้นโรคได้ ก็ยากจะพ้นอุบัติเหตุ อุบัติภัย
ก็พฤติกรรมเดิม ทำให้เราท่านเป็นเช่นนี้ จะพูดว่าดีสักฉันใด ก็ผลผิดมันปรากฎให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว
การมาที่นี่ จึงมีวันจบ เพียงแต่ช้าเร็ว ก็เป็นไปตามที่ทำ นั่นคือ ต่างกรรม ต่างวาระ จึงเอาเกณฑ์แน่นอนไม่ได้ แล้วก็ใครทำ ใครได้
ใครจะว่าการกระทำที่นี่ผิด คำสอนผิด โน่นผิด นั่นผิด ... ก็ว่ากันไป หากแต่ตราบใดที่ยังมีคนหายโรค หรือผลถูกปรากฎ นั่นย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่า ความจริงแล้ว คนที่มาแล้วไม่ได้ผล นั่นคือ คนที่มาแล้วไม่ทำตามคำสอนนั่นเอง