หลายคนที่ต้องกระเด็นกระดอนหรืออึดอัดใจ เมื่ออยู่ในแผ่นดินศาสนา ย่อมต้องเกิดคำถามแก่ตนว่า ทำไมสถานที่ดีๆของแม่ชีเมี้ยน จึงมีคนที่มีพฤติกรรมที่ทำให้รับไม่ได้
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นบ่อยๆว่า นั่นเป็นผลกรรมเราทำมา อาศัยคนผู้นั้นเป็นเหตุ ทำให้เกิดทิฐิแล้วไปจากศาสนา
ด้วยกรรมที่มีจะทำลายกายก็ยาก ด้วยทานสมุนไพร ดังนั้นจึงทำให้เกิดความคิด เพื่อให้พากายออกนั่นเอง
หากจะถามว่า ทำไมแผ่นดินศาสนาต้องลดกิริยา รักษาความสงบ ก็ป้องปรามมิให้เราท่านใช้นิสัย วาจา พฤติกรรม เป็นเหตุแก่ผู้อื่นนั่นเอง
หากมิควบคุม บรรเลงตามนิสัย เป็นเหตุให้ผู้อื่นกระเด็นออกไป แล้วชีวิตอับปางลง จะปฏิเสธว่าตนไม่เกี่ยว ไม่รับ ไม่รู้ คงไม่ได้
หลวงพ่อนิพนธ์จึงว่า “เราท่านมาเป็นเหตุ ซึ่งกันและกัน” ศาสนาเป็นหลักปราชญ์ ย่อมชี้เตือนและป้องกัน จึงต้องตั้งบนหลักเมตตา อภัยซึ่งกันและกัน ประคับประคองช่วยกันให้พ้นภัยทุกตัวคน
บทสรุป ท่านอาสิก็สอนไป ให้รักษากิริยา แต่คนส่วนใหญ่ก็มิเห็นค่า แล้วก็โอดครวญ ทำไมโรคมันไม่ยอมจากไป นี่แล เมตตาเขาเหมือนเมตตาเรา เราสร้างบรรยากาศเป็นพิษแก่ผู้อื่น ผลก็ย้อนมาหาเรา เราไม่มีสติ ท้ากรรม จึงไม่ระวังระไวว่ากรรมมันใช้กรรมมันสั่ง เราจึงหยุดกรรมไม่ได้ ต่อความต่อกรรมลืมเมตตา ให้อภัยกัน ด้วยลืมคำสอน ที่เราทั้งหลายมาย่อมเป็นเหตุซึ่งกันและกัน ใครดับได้ผลเกิดกับตนมหาศาล
แม่ชีเมี้ยนจึงชี้ว่า จะเหนือกรรม ต้องชนะใจตน มิใช่ชนะผู้อื่น ต้องหยุดตน มิใช่หยุดผู้อื่น สิ่งที่เกิดเราทำไว้ ผลจึงย้อนมายังตน อาศัยอะไรก็ได้ ลมปากคนก็ได้ เมื่อไม่ชอบ ไม่อยากได้ แล้วจะต่อกรรมทำไม หยุดตนได้ในวันนี้ ก็ไม่มีกรรมย้อนมา ที่ตนไม่ชอบในวันหน้า
ความสงบ จึงเป็นเอกลักษณ์ เป็นพฤติกรรมง่ายๆที่จะพ้นกรรม หาความสงบ หยุดตนไม่ได้ ก็ไม่ต้องหวังจะพ้นกรรม พ้นโลก เพราะการกระทำเพิ่มเติม มันย่อมไม่หมดไม่สิ้น