สิ่งหนึ่งที่เกิดกับคนทั่วไป นั่นคือ การที่อยู่กับสิ่งใดนานๆ มักจะเกิดความเคยชิน และปรับตัว แม้นสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ตนไม่ชอบ แต่เมื่อวันเวลาผ่านนานเข้า ก็มักจะกลายเป็นเรื่องปกติ ทนได้ เนื่องจากทำใจได้ และยอมรับ
ความจริงข้อนี้ หลายคนอาจเห็นแย้ง แต่ก็ลองพิจารณา คนทั้งหลาย หากอยู่ในสภาวะปกติ เลือกได้ อาหารที่ทาน แม้นจะยังดีอยู่ ก็ทิ้งหน้าตาเฉย เพียงเพราะเบื่อ ไม่ชอบ ไม่อยากทานแล้ว แต่วันใดที่ชีวิตอยู่ในสถานะที่เลือกไม่ได้ ไม่มีแม้นแต่สลึงเดียวในกระเป๋า หรือ รายได้ที่พึงมีก็น้อยจนไม่พอ อันมองเห็นภาพนี้ชัด นั่นก็คือ สลัม ที่พบเห็นกันทั่วไป
อาหารที่ทิ้ง กลับกลายเป็นอาหารชั้นดี แลถ้าชีวิตตกลงไปอีก แม้นแต่อาหารจะทิ้งในถังขยะ ก็แสนจะมีค่า วันใดเจออาหาร ก็นับว่ามีโชค ไม่ต้องหิวท้องกิ่ว มีความสุข
แรกๆ ของสภาวะตกต่ำ ก็คงทำใจยาก แต่นานไป ก็เริ่มชิน รับสภาพ จนกลายเป็นปกติ ทีนี้ การทานอาหารดีๆ ในร้าน จึงเป็นเรื่องแปลก กลายเป็นเรื่องไม่คุ้นชิน แม้นว่าสภาพที่ว่านั้น คนทั้งหลายจะมองว่าดี แต่การเปลี่ยนกลับมาบางที กลายเป็นเรื่องทุกข์ไปเสียแล้ว
ย้อนกลับมา ทุกคนอยากมีสุข อยากเป็นคนดี รู้กันทุกตัวคน ทำดีได้ดี แต่เมื่ออยู่ในอำนาจกรรม แล้วทำตามกรรม ตามนิสัยตน ชีวิตตนก็ตกต่ำไปเรื่อยๆ ยิ่งผ่านภพผ่านชาติ นิสัยกรรมยิ่งพอกพูน ด้วยห่างศาสนา มาจนถึงวันนี้ สภาพของตน ก็คงไม่ต่างอะไรกับการอยู่ในสลัม
สิ่งดีๆที่เคยเป็น คือ กินได้ นอนหลับ ไม่มีโรค มาวันนี้ กินได้บ้างไม่ได้บ้าง นอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง แล้วก็มีโรคประจำตัว นั่นคือ ชีวิตที่ตกต่ำ หรือสภาวะที่อยู่ในสลัม เกิดกับตน กลายเป็นเรื่องเคยชิน กลายเป็นเรื่องธรรมดา ปกติ ถ้าไม่ทรมานจนทนไม่ได้ ก็คงหาใครยากที่จะดิ้นรน หนีจากสลัมนี้ ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เรียกว่ายอมรับชะตากรรม
บางคนโชคดี ได้มาเจอศาสนา เจอหลวงพ่อนิพนธ์ มีโอกาสเขียนพรหมลิขิตที่ดีแก่ตน นั่นคือ กลับไป กินได้ นอนหลับ ไม่มีโรค .... ตามที่บอกอยากได้ แต่พฤติกรรมกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่คิดที่จะออกจากสลัม เอาแต่เพียงผลเฉพาะหน้า
บางคน กลับคิดว่า คนที่มูลนิธิมันโง่ สิ่งที่พูด สิ่งที่สอน เขาไม่สนใจแม้นแต่สักนิด มาเพื่อทานสมุนไพร หายแล้วเขาก็ไป ทำตามนิสัยเดิม
คนทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นเชลยกรรม แม้นจะเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ช่วยตนให้พ้นสลัมไม่ได้เลย มัวแต่ดีใจ ด้วยบุญเก่า ทำให้เจออาหารดี กินได้นาน แทนที่จะเอาเป็นทุนในการพัฒนาตน กลับไปอยู่สลัม นอนกินอาหารนั้น รอวันหมด เมื่อหมดแล้ว สภาวะของตน ก็ยังคงอยู่ในสลัมนั้นเอง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร่ำรวยบุญ พร้อมแจกเงินบุญ คนทั้งหลายกลับไม่เอา จะเอาแต่อาหาร ไม่เอาเงินบุญ ไปสร้างฐานะแห่งตน ให้กลับมา กินเป็นสุข นอนเป็นสุข ไม่มีโรค อีกในวันข้างหน้า ...ก็เลยชวนสงสัย คนทั้งหลายที่คิดว่าตนฉลาด มาหลอกทานสมุนไพร หายแล้วเขาก็ไป คือ หยิบอาหารไปกินเฉพาะหน้า เพื่อให้ความหิวของตนประทังไป แต่มันจะกอบไปได้มากน้อยสักเท่าใด ช้าเร็วอาหารนั้นก็ต้องหมด แต่มันง่าย เพราะวางในโรงทาน ส่วนเงินบุญ ต้องทำแลกจึงได้ เขาจึงไม่เอา ตกลง ใครโง่กันแน่
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เห็นว่า สมบัติของศาสนา ที่กินไม่หมด คือ นิสัยของพระพุทธเจ้า เป็นเงินบุญ ที่ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ติดตัวทั้งชาตินี้แลชาติหน้า อยากได้ต้องทำเอง ส่วนอาหารบุญ คือสมุนไพร ก็เพียงแค่ประทัง เฉพาะหน้า อยู่กับเราท่านไม่นาน ด้วยเหตุที่ภพหน้า ก็ยังไม่รู้เลยว่า เราท่านจะมีวาสนาพบเจอศาสนาอีกหรือไม่ อาหารบุญนี้ ที่เราท่านหอบ ไม่ว่าจะมาทานนานสักแค่ไหน หอบไปมากสักเท่าใด ช้าเร็วมันก็ต้องหมด คนที่คิดจะมาเอาแต่สมุนไพร ไม่ทำนิสัย จึงน่าเสียดายนัก คนมีปัญญา ไม่พึงกระทำ
แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะธรรมชาติ เมื่ออยู่สลัมเคย อยู่บ้านเก่าเคย บ้านใหม่แม้นจะดีกว่าเดิมสักฉันใด ก็ไม่คุ้นเคย ไม่อยากเปลี่ยนแปลงตน ... อุปมาเสมือนพ่อแม่ อยู่บ้านเดิมมาหลายสิบปี จะสร้างบ้านใหม่ให้ไปอยู่ ก็หาน้อยคนที่ไป แม้นว่าบ้านเก่านั้นจะซอมซ่อสักฉันใด
การมองแค่หายโรค มันจึงต่ำไป ให้สุขไม่นาน แต่ถ้ามองสูง พึงหาสุขนิสัย ต้องปรับเปลี่ยนความคิด การกระทำ นิสัย จึงจะพบสุขที่แท้จริง อยู่กับตนยาวนาน ทั้งภพนี้ภพหน้า
ทุกคนบอก อยากมีสิ่งดีๆในชีวิต แต่จะมีสักกี่คน ที่สร้างสิ่งดีๆให้ชีวิต ... เพราะกรรมมักดลบันดาลให้หลงผิด คิดว่า ฐานะดี มียศ มีเกียรติ จักสร้างสุข กว่าจะรู้ว่าผิดทาง ก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ นั่งก็ปวด นอนก็ปวด สิ่งที่มีช่วยตนไม่ได้เลย
คนที่ฝืนกระแสกรรมมาได้ จึงได้ชื่อว่าเหนือมนุษย์ ทวนนิสัยกรรม มาใช้นิสัยธรรมของพระพุทธเจ้า นำตนเป็นบางสิ่งบางอย่าง คนเหล่านี้จึงได้ สุขนิสัย และความไม่มีโรค
ส่วนคนที่ตามนิสัยกรรม หวังยารักษาโรค ... หลวงพ่อนิพนธ์ยืนยันตลอดมาว่า ... รอจนตาย เกิดอีกกี่ชาติ ก็ไม่มีวันเจอ เพราะโลกนี้ไม่มียารักษาโรค ถ้าเป็นโรคตาย จะรักษาโรค อย่าหวังพึ่งผู้อื่น ต้องพึ่งการกระทำของตนเอง ให้ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม หวังพึ่งผู้อื่น ได้แต่หวัง แต่ไม่เคยสมหวัง รายแล้ว รายเล่า จนเล่าขาน เดินเข้าแล้วหามกลับ แต่คนทั้งหลายทั้งปวงก็มองไม่เห็นความจริง ก็ยังเดินตามรอย พึ่งผู้อื่น นี่แลอำนาจกรรม บังตา บังใจ
ก็คนเขาชินกับบ้านเก่า มารับแต่สมุนไพร ... ก็อย่าหวังอะไรมาก ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
หากจะมีคน ที่อยากได้บ้านใหม่ ไปเรียนรู้ แล้วทำนิสัย ถ้าทำได้ ไม่ว่าโรคอะไร ได้หายเป็นของแถมแน่นอน