หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า การใช้บัญญัติสมุนไพรของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมานั้น อุปมา เสมือน "บ่งหนาม ย่อมเจ็บเนื้อ"
จึงเห็นได้ว่า ทุกกระบวนการล้วนแล้วแต่ต้องใช้ขันติ อดทน เริ่มตั้งแต่ รสชาดของสมุนไพร การเข้ากระโจม เรื่อยมา...
ที่สำคัญที่เป็นสุดยอดของเรื่องราวในแต่ละคน คือสภาวะในช่วงของการฟื้นฟู ย่อมมีสิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์เรียกว่า อาการลงแดง
หรือแม้นกระทั่งผลกระทบ ที่แม้นไม่เป็นอันตราย แต่หลายคนก็ยากจะรับได้ เพราะอาการเหล่านั้น สร้างความอายให้เกิดขึ้น
เราจึงอยากยกตัวอย่าง ผู้หญิงวัยกลางคน ที่ทำงานมีหน้ามีตาในสังคม ท่านหนึ่ง ที่บังเอิญเป็นโรคเบาหวาน ตั้งแต่เริ่มสาว รักษาตนมานานปี ด้วยทางเลือกอื่น แต่ก็ไม่ประสพผล จนอาการของเธอเข้าขั้นวิกฤต
เธอก็ยังมีวาสนา วันหนึ่งเธอเวียนว่ายมาพบทางเลือกสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน และเธอก็ทิ้งทุกแนวทาง ที่เคยผ่าน มาลองใช้ทางเลือกอันนี้ดู
ผ่านวัน ผ่านคืน ไม่ว่าสภาพใดๆ ที่เกิดขึ้น เธอก็ทำใจรับสภาพ ใช้ขันติ อดทน ผ่านมาได้หมด ยกเว้นประการเดียว ที่ทำให้เธอกังวล นั่นคือ ในขณะที่อาการของเธอเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ผิวเธอที่เป็นคนขาว ค่อยๆ เริ่มดำคล้ำขึ้นทุกวัน จนไม่ว่าใครๆ ก็ทัก และเริ่มซุบซิบว่า สงสัยเธอน่าจะเป็นเอดส์ เพราะสีผิวของเธอดำคล้ำมากขึ้นทุกวัน
บังเอฺิญเธอมีโอกาสได้คุยกับเรา แลเล่าทุกข์อันนี้ระบายให้ฟัง
เราจึงชี้สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ และวิทยากร ท่าน อ.อร่าม มักกล่าวเตือนเสมอว่า คนป่วยเบาหวาน วิทยาการสมัยใหม่ มุ่งไปที่ตัวเลขของปริมาณน้ำตาลในเลือด ต้องอยู่ในเกณฑ์นั้น นี้ ...
แต่จะทำอย่างไรเล่า ที่จะเอาน้ำตาลส่วนเกินออกจากตัวคนป่วย เมื่อทำไม่ได้ วิธีการเดียวที่ใช้ก็คือ บังคับให้น้ำตาลในเลือด เข้าไปฝังตัวในกล้ามเนื้อ นั่นเอง
ทีนี้ คนป่วยก็สบายใจเพราะค่าน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นั่นกลายเป็นสร้างวิกฤตอันใหญ่หลวง แก่ร่างกาย และชีวิต
เมื่อใช้สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์มักชี้ให้เห็นว่า น้ำตาลที่อยู่ในเลือดต่างหาก เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด คืออันตรายน้อยสุด
เมื่อร่างกายได้สมุนไพร และอาหาร มีความพร้อม ก็ต้องรีบดึงน้ำตาล ที่ถูกกดในกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ออกมา ให้อยู่ในเลือด เพื่อรอการขับออก ทางไต
ผลก็คือ ด้วยปริมาณน้ำตาลที่สูง ทำให้บริเวณผิวของเรา เปลี่ยนสีกลายเป็นสีดำ คล้ำขึ้น ตามปริมาณน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง แต่เป็นผลข้างเคียงชั่วคราว ที่ไม่อันตรายใดๆเลย
เราจึงบอกคนป่วยว่า ถ้าหากเราอาย และทนคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่บางคนเห็นไม่รู้ ก็บอกว่าเราเป็นเอดส์บ้าง โน่นบ้าง นี่บ้าง แล้วเราก็หยุดทานสมุนไพร หยุดพฤติกรรมในการฟื้นฟูตนเสีย สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า
เราอาจจะได้ผิวขาวกลับมาในทันทีที่กลับไปทานยาลดเบาหวาน แต่เราจะไม่มีโอกาสหายจากโรคเบาหวานเลยในชีวิตนี้ และที่สำคัญ คงหนีการตายด้วยโรคเบาหวานไม่พ้น
คนป่วยท่านนั้น กลับไปพิจารณา แล้วก็บอกว่า เขาจะยอมรับความอายแก่สังคมนี้ให้ได้ เพื่อตัวของเขาเอง ที่อยากหายเบาหวาน
จากวันนั้น สภาพผิวที่ดำขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปหลายเดือน วันก่อนได้มีโอกาสพบกันอีกครั้ง เธอบอกว่า ตอนนี้ผิวของเธอกลับมาขาวเหมือนเดิมแล้ว
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ว่า การจะใช้แนวทางสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน จึงจำเป็นต้องอาศํยขันติ อดทน มิเพียงแต่อาการ ในบางครั้ง ก็ต้องทนเสียงของผู้คนอีกต่างหาก แต่ ... ทั้งนี้ทั้งนั้น "ทุกข์วันนี้ สุขวันหน้า "
วันนี้ของคนป่วยท่านนั้น จึงบ่งบอกว่า โรคเบาหวานกำลังเดินจากเธอไป การฟื้นฟูตนของเธอ ใกล้จะบรรลุผลแล้ว ความขันติ อดทน ต่อความอายของเธอ คุ้มค่ายิ่ง ชีวิตที่เหลืออีกหลายสิบปี โดยไม่มีโรคเบาหวาน คือรางวัลแห่งความขันติของเธอ