การมองปัญหา เป็นจุดเริ่มของการแก้ปัญหา เมื่อไม่สามารถเข้าใจปัญหาได้ การเลือกวิธีแก้ปัญหา ย่อมไม่มีทางที่จะหาวิธีที่ถูกต้องได้
ปัญหายาเสพติด ในมุมมองของสฤษด์ คือ ต้องปราบปรามผู้เสพ ผู้ค้า ให้สิ้นซาก ใช้กฎหมายที่มีกฎบังคับอย่างรุนแรง
ผลที่ได้คือ ความล้มเหลว การสิ้นเปลืองงบประมาณมากมายมหาศาล ตราบจนในยุคปัจจุบัน วิธีแก้ปัญหาในยุคนี้ ทำโดยการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ และใช้กฎหมายเป็นตัวนำเช่นเดิม ผลที่ได้จึงไม่แตกต่างกัน นั่นคือความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จนทำให้ปรากฎข่าว การจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง จนผู้ค้ากลับกลายเป็นคนในวงของนักการเมืองเองเสียแล้วในยุคนี้
ปัญหาโรคเอดส์ ใช้วิธีการปกปิดข้อมูล ไม่ให้ทราบ ไม่ยอมเปิดเผยความอันตรายและรุนแรง จนทำให้การระบาดในประเทศเข้าขั้นวิกฤต ณ ปัจจุบัน คนไทย 1 ใน 60 คน เป็นโรคนี้ แล้วก็ยังไม่มีการกระทำใดๆ ให้ประชาชนตื่นตัว เพื่อป้องกันภัยจากโรคนี้ ทำให้วัยรุ่นคนรุ่นใหม่ กำลังหลงไปในวังวนนี้ เพิ่มมากขึ้น จนน่าตกใจ
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ ถ้าคนติดยาเสพติด คลั่งทั้งเมือง ถ้าคนไข้เอดส์ที่ไม่ได้รับการเหลียวแล รวมตัวกันมาประท้วง ต่อต้าน และเอาเข็มไล่จิ้มคน อย่างที่เคยเป็นข่าว
สถานที่เล็กๆ "มูลนิธิไทยกรุณา" กำลังช่วยคนเหล่านี้อยู่ คนที่ไม่มีทางหรือไม่มีที่ยืนในสังคม ตราบจนปัจจุบัน มีผู้ประสพผลสำเร็จหายจากการติดยาเสพติด และหายจากโรคเอดส์ พอสมควร การดำเนินการเช่นนี้ ของหลวงพ่อนิพนธ์ แม้จะไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลเลยตลอดมา แต่ก็พยายามพึ่งตนเอง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีทางเลือก และมีโอกาสกลับไปเป็นคนดีของสังคมบ้าน สังคมเมือง และสังคมโลกอีกครั้ง
ผลตอบแทนของรัฐบาลไทยต่อมูลนิธินี้คือ การแจ้งเตือนจากสาธารณสุขว่า "การรับผู้ป่วยมาพักรักษาของมูลนิธิไทยกรุณา ขัดบทบัญญัติของกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุข ในการรับผู้ป่วยเข้าพักโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ"
เราไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ คิดกันอย่างไร หรือท่านๆ คิดกันอย่างไร กับการดำรงอยู่ของมูลนิธินี้ หรือไม่มีความน่าสนใจเท่ากับ รายการประกวดร้องเพลง รายการละคร ที่ต้องนำออกอากาศให้คนรับรู้ รับฟัง ทุกเมื่อเชื่อวัน
วันหนึ่งเราอาจเห็นม็อบแบบใหม่เดินเรียกร้องตามถนนก็เป็นได้ คือม็อบคนไข้ ที่ต้องการทางเลือกใหม่ อย่างที่เขาต้องการ ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย แค่ติดอันดับคอรับชั่น ก็อายจะแย่แล้ว ขืนมีข่าวนี้อีก ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น