วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มูลนิธิไทยกรุณา จะเปิดรักษายาเสพติด


ข่าวดีแจ้งให้ทราบ มูลนิธิไทยกรุณากำลังมีแผนจะเปิดรักษาผู้ติดยาเสพติด ย้อนยุคตามแบบสมัยถ้ำกระบอก ในช่วงปี 2501  โดยมีพระเป็นพี่เลี้ยงในการรักษา ทั้งนี้จะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเข้าพรรษาที่จะถึงนี้

ใครที่มีพี่น้อง หรือ ญาติสนิท มิตรสหาย ที่ต้องการเลิกยาเสพติด ทุกชนิด ก็เตรียมตัว โดยเฉพาะผู้ที่สมัครใจอยากเลิก หลวงพ่อนิพนธ์ยืนยันว่าหายแน่ ใช้เวลาประมาณ สองสัปดาห์ มารับกลับได้เลย

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ขยะ - สมุนไพรเปลี่ยนชีวิตจากขยะสังคมสู่คนดี

หลวงพ่อนิพนธ์ เคยกล่าวไว้ว่า คนไข้สาหัส หรือ ผู้ป่วยยาเสพติด หรือ เอดส์ มักจะถูกมาองว่าเป็นขยะสังคม คือไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อผ่านการทานสมุนไพร และนำธรรมะของพระพุทธเจ้าบางส่วนไปมีส่วนร่วมในชีวิต คนเหล่านี้จะกลับไปเป็นคนดีของสังคม และมีประโยชน์ต่อสังคมมาก และจะไม่สร้างปัญหาสังคมใดๆ อีก เพราะจะกลายเป็นคนกลัวกรรมนั่นเอง

ดังนั้น คนไข้ในยุคแรกๆ ของท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ทางบ้านรังเกียจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร บางคนเมื่อมาส่งที่วัดของท่าน ก็ไม่คิดที่จะมาหาอีกเลยก็มี ดังนั้น สิ่่งที่เป็นขยะเหล่านี้ ที่อื่นไม่ต้อนรับ หลวงพ่อนิพนธ์กับยินดี เพราะจะเป็นวัตถุดิบชั้นดี ที่พร้อมทำตามคำสอนของท่าน เนื่องว่าไม่มีทางเลือกแล้วนั่นเอง และมักจะเป็นผู้ที่ประสบผลในแนวทางนี้ด้วย เหตุผลหนึ่งที่ท่านกล่าวคือ คนเหล่านี้จะทุ่มศรัทธาที่เหลือทั้งหมด มาให้แม่ชีเมี้ยนและพระพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียว จึงทำให้จิตสงบและปรับตัวได้ง่าย ความคิดไม่ฟุ้งซ่าน
เราจึงคิดว่า ผู้ป่วยท่านใดยิ่งอาการหนัก และไม่มีใครเอา หลวงพ่อนิพนธ์ท่านยิ่งรับไว้

อาทิเช่น ผู้ป่วยเอดส์ชาวพม่า และลาว ที่ท่านได้รับไว้นั่นเอง และแข็งแรงจนช่วยงานได้ มาจนทุกวันนี้

ปรียานุช กับ สมุนไพรรักษาโรค

ปรียานุช ปานประดับ ผู้หญิงทำงาน ดาราหญิงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในอดีต มีเงินทอง ชื่อเสียงมากมาย แต่ชีวิตพลิกผัน ล้มป่วยปางตายด้วยโรคร้ายสารพัด   แต่มาวันนี้ เธอได้พบกับชีวิตที่มีความสุข เพราะการมารักษาตัวที่มูลนิธิไทยกรุณา ได้เป็นจุดเริ่มต้นให้เธอปรับเปลี่ยนมุมมองของชีวิตใหม่ เปลี่ยนนิสัย รู้จักการให้ และปล่อยวาง

เรื่องราวชีวิตของคุณปรียานุช ปานประดับ ที่ผ่านชีวิต ผ่านวิกฤตและโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้ามาได้จนถึงปัจจุบัน  คุณปรียานุชเปิดเผยถึงเคล็ด (ไม่) ลับ ที่ทำให้เธอกลับมามีชีวิตแข็งแรงอีกครั้ง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ  เธอพบกับธรรมะที่ทำให้เธอเปลี่ยนวิธีคิด และเธอพบกับสมุนไพรที่ทำให้เธอสามารถต่อสู้กับโรคต่างๆ ที่รุมเร้าเธออยู่ได้  "ธรรมะ กับ สมุนไพร" เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ตามดูได้จากที่คุณปรียานุชให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการเจาะใจ ในวันที่ 23 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมานี้ค่ะ

รายการเจาะใจ - ปรียานุช ปานประดับ "ชีวิตคือลมหายใจ" 
23 มิถุนายน 2554 1/4


รายการเจาะใจ - ปรียานุช ปานประดับ "ชีวิตคือลมหายใจ" 
23 มิถุนายน 2554  2/4


รายการเจาะใจ - ปรียานุช ปานประดับ "ชีวิตคือลมหายใจ" 
23 มิถุนายน 2554  3/4


รายการเจาะใจ - ปรียานุช ปานประดับ "ชีวิตคือลมหายใจ" 
23 มิถุนายน 2554  4/4







วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คนมีใจ

หลวงพ่อนิพนธ์ เคยเล่าว่า เมื่อครั้งที่แม่ชีเมี้ยนได้มอบตำราสมุนไพรให้ พร้อมกับกำชับว่า "ให้ไปทำเอาบุญ" นั่นหมายถึง ไม่สามารถขายได้ ต้องทำให้เป็นทานเพียงอย่างเดียว  

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงถามว่า แล้วจะทำได้อย่างไร เพราะไม่มีเงิน ถ้ามีคนไข้มากๆ???

คำตอบที่ได้รับ เป็นที่ประจักษ์แก่ท่านในปัจจุบัน เพราะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนไข้เพิ่มจากหลักสิบในสมัยของคุณธานินทร์ คุณสุเทพ นักร้องดัง หรือที่รู้จักดี คือ อาจารย์อร่ามและอาจารย์สุนทร วิทยากรของมูลนิธิไทยกรุณา ในปัจจุบัน  มาเป็นเรือนหมื่น ล้วนแล้วแต่ได้ผู้มีใจ ที่เห็นคุณค่าของสิ่งที่แม่ชีเมี้ยนให้มา จนปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่มีองค์กรของรัฐใดๆ มาเหลียวแลถามสารทุกข์สุขดิบ กิจการนี้ยังดำเนินมาด้วยลำแข้งของตัวเอง

ในยุคแรกๆ ของการพึ่งลำแข้งตัวเอง เติบโตมาจาก ร้านรุ้งรวีศาลาขนมไทย ทำขนมไทย สูตรชาววัง และที่เป็นสายเลือดหลักคือ กระยาสารท และขนมเทียน จนจวบยุคปัจจุบัน ได้มีน้ำใจจากคนไข้ที่มีฝีมือทำอาหาร ขนม ได้มาช่วยปรุงอาหารขาย เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงกิจกรรม และล่าสุด ได้มีคนมีใจ ในคณะกรรมการได้เล็งเห็นว่า น้ำดื่มเดิมที่ซื้อจากแหล่งอื่นมาขาย มีปริมาณมากพอ น่าจะจัดดำเนินการเองเพื่อมาเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง จึงก่อกำเนิน น้ำดื่ม "กรุณา" ขึ้น  โดยการบริจาคเครื่องของเหล่าคณะกรรมการ
ที่สำคัญและละเลยไม่ได้เลย หลวงพ่อนิพนธ์ได้กล่าวย้ำอยู่บ่อยๆ คือ เพื่อนสมาชิก ที่ได้หอบหิ้ว มะกรูด มะนาว มะพร้าว ตัวยาสมุนไพร คนละเล็กละน้อย มารวมกันในโรงทานของท่าน เพื่อจัดทำเป็นสมุนไพรแจก ท่านเรียกสิ่งนี้ว่า "กองทัพมด"

คนมีใจเหล่านี้ กำลังสร้างประวัติศาสตร์ หน้าใหม่ จารึกลงในแผ่นดิน ที่เรียกว่าประเทศไทย ว่าแผ่นดินนี้ คือแผ่นดินที่มีคุณธรรม มีไว้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน ตามปณิธานของแม่ชีเมี้ยน ที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมา

เราจึงยังสงสัยและถามตัวเองเสมอ คนไทยลืมชื่อ "แม่ชีเมี้ยน" ไปได้อย่างไร สำหรับคนอื่นเราไม่รู้ สำหรับเรา มันเป็นความเศร้าที่เกินบรรยาย

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สิ่งที่โหดร้ายที่สุด

มนุษย์ คิดสินค้ามาขายกันมากมาย จนมาบัดนี้ เริ่มถึงทางตัน จึงหันมาค้าสิ่งที่เป็นบาปมหันต์ คือ ขายสิ่งหลอกลวงโดยอ้างว่าจะช่วยชีวิต หรือให้สุขแก่ชีวิตคน นั่นคือยาสารพัดชนิด รวมไปถึง สมุนไพร และผลิตภัณฑ์อีกมากมาย ในขณะนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า เมืองที่อ้างว่าเป็นเมืองพุทธ จะนำสิ่งหลอกลวง เหล่านี้มาให้แก่เพื่อนร่วมโลก ร่วมชาติ เราได้ เพียงแค่เพื่อความร่ำรวยส่วนตน

ถ้าสิ่งเหล่านั้นที่ขายอยู่ สามารถช่วยได้จริง ก็รับได้ไม่ว่าจะแพงสักเท่าใด แต่ความจริงที่ปรากฎ ล้วนแล้วแต่หลอกลวงทั้งหมดทั้งสิ้น ทำให้คนเป็นโรค ที่หวังจะพบทางหายโรค ต้องตกหลุมพรางของคนโลภเหล่านี้ เสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ไปรายแล้วรายเล่า

ตื่นเถิดชาวไทย เชื่อพระพุทธเจ้าเถิด ชีวิตกำเนิดมาจากธรรมชาติ ได้มาฟรีฉันใด การจะกอบกู้ ย่อมต้องใช้ธรรมชาติกอบกู้ และก็ต้องได้มาฟรีฉันนั้น นั่นแลคือ คุณธรรม "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก"  หยุดเถิด อย่าหากินกับความเจ็บไข้ของมนุษย์อีกเลย มาพูดความจริงกัน และชวนกันเดินไปในทางที่ถูก ตามรอยคำสอนของพระพุทธเจ้าดีกว่า

เราคงไม่เรียกร้องมากไป ...... น่ะสารพัดหมอทั้งหลาย

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำถามที่ไม่เคยถาม

หลายต่อหลายคนที่ผ่านเข้ามาในมูลนิธิไทยกรุณา หรือที่ใดๆ ก็ตาม หลังจากที่ได้รับคำตอบอมตะ "หมอช่วยสุดความสามารถแล้ว" เราคิดว่า ไม่เคยมีใครตั้งคำถามเลยว่า อันที่จริง คนไข้ ที่ต้องมีอาการ หรือ ต้องเสียชีวิตไป เนื่องจากเพชรฆาตตัวใด เป็นเพราะโรคของเขาเอง หรือจากสารเคมีที่หมอใช้ ไม่เคยมีใครถาม และไม่เคยมีใครตอบ ชีวิตแล้ว ชีวิตเล่า ที่ผ่านไป เริ่มจากอาการธรรมดา ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ เริ่มจากยาแก้ไข้ แก้ปวด เพียงเม็ดเดียว จนท้ายที่สุด มีใครเคยถามหรือหาคำตอบหรือไม่ คนๆ หนึ่ง ทานยาไปเท่าไร และยาที่ว่าช่วยได้นั้น ทำไมจึงยุติปัญหาไม่ได้ แถมยังต้องทานตัวอื่น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตราบจนตาย คงเหลือคำถามที่ไม่เคยถามเลยว่า "ก็ที่ว่าหมอเก่ง ยาดี ทำไมเราจึงต้องทานยาตลอด นับจากวันนั้น และมีโรคเพิ่มขึ้น ตราบจนตาย ก็ตายไปพร้อมกับยาที่ทานนั่นเอง แท้จริงแล้ว เราตายเพราะโรค หรือ ร่างกายทนยาเคมีไม่ไหวกันแน่"

เราจึงเห็นด้วยกับหลวงพ่อนิพนธ์ ที่เรียกยาเคมีว่า "เพชรฆาตเงียบ" ที่ไม่เคยมีใครถามถึง หรือพิสูจน์ผลของมันเลย

ตรรกะง่ายๆ ที่ชวนคิด "ถ้ายาเคมีช่วยเราได้ ทำไมเราจึงไม่หาย หรือ สามารถหยุดมันได้เลย" ลองตรองดู แล้วจะรู้ว่าสิ่งนี้น่ากลัวยิ่ง เพราะมันไม่ได้คร่าเพียงชีวิตของคนไข้ แต่ยังผลาญสมบัติของคนไข้ และของชาติไปอย่างมากมายมหาศาลในแต่ละปี เฉพาะปีที่ผ่านมา ก็กว่าสามแสนล้านแล้ว และพร้อมกับตัวเลขของผู้ป่วยที่เสียชีวิตทุกโรคเพิ่มขึ้นทุกปี เช่นกัน

ก็ช่วยได้ ทำไม ทำไม "คนตายจึงเพิ่มขึ้น โรงพยาบาลคนยิ่งแน่น"

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตัวอย่างบทพิสูจน์

คนไข้ชาวสก็อตแลนด์ วิศวกรหนุ่ม ลูกสอง ที่ต้องล้มละลาย เนื่องจากอาการของโรคร้ายแรงหลายชนิด จนกระทั่งล่าสุดคือ มะเร็งตับ ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง จนกระทั่งวันที่อมตะวาจาของหมอมาถึง "คุณอยู่ได้อีกประมาณ สามเดือน หมอรักษาสุดความสามารถแล้ว และไม่สามารถที่จะผ่าตัดตับของคุณได้อีก  "

บทสรุปของหมอ มาพร้อมกับบทสรุปของชีวิต เพราะต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มี รวมทั้งบ้านและซุปเปอร์มาเก็ต คงเหลือแต่หนี้ ด้วยความบังเอิญหรือบุญบันดาล เขามีเพื่อนคนไทยที่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของมูลนิธิไทยกรุณา จึงเขียนเมล์ไปบอกและให้เป็นตัวเลือก ด้วยความเอื้อเฟื้อจากมิตรสหาย ได้ลงขันเงินจำนวนสามแสนบาท มาเพื่อใช้เป็นค่ารักษาและบินมาประเทศไทย ในระยะสามเดือนที่เหลือ พร้อมกับถุงยาของฝากชิ้นสุดท้ายของหมอที่ติดมาด้วย แลกกับเงินห้าหมื่นกว่าบาท หนึ่งในนั้นคือ มอร์ฟีนน้ำ ที่ใช้ฉีดเพื่อระงับอาการปวด เมื่อมาถึง ได้เจอหลวงพ่อนิพนธ์ พร้อมกับบทพิสูจน์ใจบทแรก คือการทิ้งยาถุงใหญ่ และห้ามฉีดมอร์ฟีน

คำถามที่เกิดขึ้นคือ คำขู่ของหมอที่อยู่ในจินตนาการ ถ้าไม่ทานหรือฉีดยาที่ให้ จะทรมานจนตาย แต่ด้วยเหตุและผลที่ว่า เมื่อกินก็ต้องตายในสามเดือนที่หมอบอก ก็ลองไม่ทานดู

หลังจากเริ่มสมุนไพร ก็ตามติดมาด้วยอาการลงแดงจากการขาดสารเคมี ในช่วงแรกๆ ด้วยมานะอดทน ในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว จากคนป่วยที่ต้องให้ภรรยาและลูกชาย หิ้วประคองปีก เริ่มเดินได้ด้วยตัวเอง และอาการขาดสารเคมี เริ่มหายจางลงไป  การคงเส้นคงวาในการรักษาตัว คือกินสมุนไพร และที่ทำได้ยาก คือ บทสวดมนต์ ที่เป็นภาษาบาลี  โรเบิร์ตได้ให้ล่ามช่วยแปล เพื่อจะได้สวดทุกวัน แทนบทสวดของคริสต์ที่เขามี ด้วยความแน่วแน่ ปาฏิหารย์จึงมาให้ได้สัมผัส หลังจากสองสัปดาห์ผ่านไป เขาเริ่มกลับไปทำในสิ่งที่เขารัก คือการว่ายน้ำ และเริ่มทำตัวเหมือนคนปกติ การยืนระยะของเขาในสามเดือน ส่งผลให้เขาสามารถว่ายน้ำได้ถึง 25 รอบสระใหญ่ได้ และขออนุญาตกลับประเทศ  เมื่อกลับถึงสก็อต ได้เข้ารับการตรวจร่างกาย เผื่อที่จะกลับเข้าทำงาน ผลการตรวจปรากฎว่า ทุกอย่างเป็นปกติดี จึงแจ้งกลับมาว่า จะขออยู่ทำงานใช้หนี้ก่อนประมาณหนึ่งปี และหลังจากนั้น ทุกปีจะมีวันหยุด 1 เดือนเขาจะบินกลับมาสถานที่นี้อีก


สิ่งที่โรเบิร์ต บอกกับเพื่อนในสัปดาห์แรกของการรักษา คือ ไม่คิดว่าจะมีสถานที่แบบนี้ในโลก กินฟรี อยู่ฟรี รักษาฟรี และยังได้ผล ปฏิกิริยาตอบรับจากเขาและเพื่อนคือ เพื่อนที่เคยลงขันในการรักษาของเขา จะยังคงลงขันต่อไปทุกเดือน สมทบทุนเป็นกองทุน เพื่อจัดส่งเข้าร่วมกับกิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา ในอนาคต

พิจารณาจากตัวอย่างที่หลวงพ่อนิพนธ์ เล่าให้ฟัง จะเห็นได้ว่า ถ้าคิดตรรกะง่ายๆ โรเบิร์ตใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ก็คือ 90 วัน ถ้าคนไข้ทั่วไปต้องใช้เวลาเท่ากันในการแก้ปัญหา แต่มาสัปดาห์ละครั้ง ก็คือ 90 สัปดาห์ ประมาณคร่าวๆ ก็เกือบสองปี ซึ่งความจริงแล้วคงจะยืดเยื้อกว่าเป็นแน่

จึงขอบอกกล่าวว่า ก็แล้วท่านๆ ที่มาเพียง 5 หรือ 6 ครั้ง แล้วก็บอกจะเอาผล หรือตำหนิว่ากล่าว ว่าทำไมไม่หาย สิ่งนั้นจึงเป็น ความฝันที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ การยืนระยะจึงเป็นเรื่องจำเป็น

ท้ายที่สุด ก่อนจาก โรเบิร์ตได้มอบซองให้หลวงพ่อนิพนธ์ จนท่านกล่าวว่า โรเบิร์ต อยู่กับเรามาตั้งนาน รู้อยู่แล้วว่าเราไม่รับเงิน เขาแจ้งว่า ไม่ใช่ เขารู้ว่าท่านไม่รับ แต่สิ่งที่เขาใส่ในซอง คือ ไม้กางเขน 4 อัน ของทุกคนในครอบครัว เขาบอกว่า เขาเชื่อในสิ่งนี้มาตลอดชีวิต แต่สิ่งนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เขาขอแลกกับเหรียญรูปแม่ชีเมี้ยน ให้ครอบครัวเขาได้หรือไม่ เพื่อเป็นที่ระลึกบูชา แทนพระเยซู สิ่งนี้นับได้ว่าเป็นเคล็ดที่ทำให้เขาหายได้เร็ว คือ ศรัทธา และความมุ่งมั่นที่จะกลับไปมีชีวิตและเป็นคนดีของสังคม ได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นตอบแทนในวันข้างหน้า ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แม่ชีเมี้ยนนำมาถ่ายทอดให้  ขอกราบขอบคุณแม่ชีเมี้ยน เราจะได้คนดีเพิ่มในโลกอีกครอบครัวหนึ่งแล้ว

และโรเบิร์ตก็หาใช่ชาวต่างชาติรายแรกที่มารักษาไม่ มีมากมาย เช่น หลิว เม่ย หลิง,  วู ก็อก เช็ง, ฟรังโก้ และอื่นๆ อีกมากมาย  เขาเหล่านั้นมาสัมผัส และประสพผลไปแล้ว คนเหล่านี้เป็นคนไกล ยังมีโอกาสได้สัมผัส แต่คนไทยที่อยู่ในแผ่นดินเดียวกันมากมาย ไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อ เป็นเรื่องเศร้ายิ่งกว่านิยายน้ำเน่าเสียอีก

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สิ่งที่หวังกับสิ่งที่ปรากฎ

เราขอเน้นข้อความในหนังสือที่ว่า การจะฝ่าฟันให้ประสบความสำเร็จในการใช้แนวทางสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ต้องผ่านด่านการลงแดงก่อนทุกคน หรือที่พระพุทธเจ้าตรัสธรรมหมวดหนึ่ง คือ "ทุกข์วันนี้ สุขวันหน้า"

ดังนั้น ผู้ที่จะใช้แนวทางนี้ แล้วคาดหวังว่า ทานสมุนไพรแล้วอ้ายที่ปวดจะหายเลย อ้ายที่เป็นจะจากไปในสามวันเจ็ดวัน ย่อมเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด

เราเคยได้ยิน ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมหลายท่าน เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ก้อนมะเร็งจะหลุดออกจากเต้า เริ่มจากมีอาการบวมที่บริเวณนั้น เห็นชัดเป็นสีม่วงคล้ำ และเริ่มมีอาการแตกคล้ายฝี มีน้ำเหลืองน้ำหนอง ไหลออกมา กลิ่นเหม็นมาก และมีอาการบวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากร่างกายดันก้อนมะเร็งออกมา ความเจ็บปวดที่ได้รับในช่วงสามวันสุดท้ายก่อนมะเร็งจะหลุด เปรียบเทียบให้ฟังว่า คลอดลูกมาสามคนรวมกันยังไม่เท่า บางท่านเมื่อก้อนมะเร็งหลุดออกมา สามีถึงกับนำไปเผาไฟด้วยความแค้นก็มี

หลวงพ่อนิพนธ์จึงย้ำเสมอว่า การเลือกใช้วิธีการนี้ องค์ประกอบที่สำคัญ ก็คือ การเรียนรู้ แล้วยืนหยัด ด้วยเหตุด้วยผล ต้องใช้ความขันติ อดทน พอสมควร ท่านจึงกล่าวว่า วิธีของแม่ชีเมี้ยน จึงไม่รับรองว่า จะประสพผลทุกคน แต่ยืนยันว่า ผู้ที่สามารถทำได้ ประสพผลอย่างแน่นอนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงเช่นไร 

สรุปง่ายๆ ก็คือ ผลสำเร็จขึ้นอยู่กับผู้ทาน ว่าสามารถยืนระยะการทานสมุนไพร และนำสิ่งที่เรียนรู้ไปปฏิบัติได้หรือไม่ ผู้ทานจึงเห็นผลการรักษาได้ตั้งแต่เริ่ม เพราะตนนั่นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน จะได้หรือไม่อยู่กับการกระทำของตนนั้นแล

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หนังสือ "เมื่อเวรกรรม..ไล่ล่าดาราดัง"

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน น.ส.ปรียานุช ปานประดับ อดีตนักแสดงชื่อดัง ได้แถลงเปิดตัวหนังสือ "เมื่อเวรกรรม..ไล่ล่าดาราดัง" ซึ่งเขียนจากประสบการณ์หลังจากถูกหมอดูประจำตระกูลทักว่าเธอสิ้นอายุขัยและจะต้องตายภายในปีนี้

น.ส.ปรียานุช กล่าวว่า ที่ผ่านมาร่างกายทรุดโทรมหนักต้องนั่งรถเข็นอยู่ปีครึ่ง เนื่องจากขาหักข้อมือเสียและฟันป่นเป็นผงอยู่ในปาก ซึ่งอาการที่เป็นอยู่ทั้งหมดนี้ เนื่องมาจากผ่าตัดมดลูกทิ้งไปเมื่ออายุประมาณ 30 กว่า จึงมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนมาโดยตลอด ทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก ทั้งหลัง เข่า ขาและฟัน ทำให้เดินไม่ได้เยอะ นั่งและยืนนานไม่ได้ ต้องเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ซึ่งหลังได้รู้จักกับหลวงพ่อนิพนธ์ แห่งมูลนิธิไทยกรุณา จังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้บำบัดด้วยสมุนไพรมาตลอด จนทำให้มีชีวิตอยู่รอดมาทุกวันนี้


"อยากให้ทุกคนรักตัวเองดูแลตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด ตั้งรับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างมีสติ" น.ส.ปรียานุช กล่าว

ด้านนายนพพล โกมารชุน สามีและผู้กำกับชื่อดัง กล่าวว่า น.ส.ปรีชานุชเป็นคนสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว นอนไม่พอและนอนไม่ค่อยหลับ ต้องพึ่งยานอนหลับเป็นประจำ จนเกิดโรคเนื้องอก กระดูกหัก และอาการเจ็บป่วยต่างๆ ต้องเข้ารับการผ่าตัดบ่อยมาก ขณะที่น.ส.ปรียานุช ดื้อมากไม่ยอมแสดงออกให้ใครเห็น แต่ที่จริงอาการข้างในแย่แล้ว สิ่งที่ตนทำให้ได้ คือ ให้กำลังใจ ก็ต้องดูแลกันตลอด 24 ชั่วโมง จากที่เคยคุยกันไว้ว่าเมื่อตนอายุ 60 ปี เกษียณจากการทำงานแล้ว และน.ส.ปรียานุช อายุ 50 ปี จะเป็นคนดูแลตน แต่ตอนนี้กลับสลับกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการแถลงข่าว น.ส.ปรียานุช ต้องลุกขึ้นสลับกับการนั่งเปลี่ยนอิริยาบถตลอดเวลา

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บันทึกรันทด

ในงานศพของคุณสมชาย ซึ่งเป็นบิดาของคุณตู่ นพพล คุณตู่ได้รำพึงประโยคอมตะในใจเราทุกวันนี้ คือ คนสมัยนี้ตายแพงจัง เพราะคุณพ่อของคุณตู่ มีอาการจากโรคชรา ตามวัยของท่าน ด้วยความรักสามี ป้าจุ๊ จึงพาเข้าโรงพยาบาล  เพียงแค่ไม่กี่วันในโรงพยาบาล สิ่งที่ตามมา คือ การเสียชีวิตของคุณสมชาย ตามวัยของท่าน พร้อมกับบิลค่ารักษาเกือบล้านบาท

บันทึกนี้ จึงสะท้อนให้เราได้เห็นว่า .... ความโลภ มันน่ากลัวยิ่ง และรายงานของสหรัฐ ที่ว่า การรักษาในโรงพยาบาล เป็นสาเหตุหลักในการล้มละลายสูงถึง หกสิบกว่าเปอร์เซ็นต์

ได้ยินและได้ฟัง แล้วน่ารันทดยิ่ง นี่หรือมนุษย์ที่เขาว่าเจริญ

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มองต่างมุม

การมองปัญหา เป็นจุดเริ่มของการแก้ปัญหา เมื่อไม่สามารถเข้าใจปัญหาได้ การเลือกวิธีแก้ปัญหา ย่อมไม่มีทางที่จะหาวิธีที่ถูกต้องได้

ปัญหายาเสพติด ในมุมมองของสฤษด์ คือ ต้องปราบปรามผู้เสพ ผู้ค้า ให้สิ้นซาก ใช้กฎหมายที่มีกฎบังคับอย่างรุนแรง

ผลที่ได้คือ ความล้มเหลว การสิ้นเปลืองงบประมาณมากมายมหาศาล ตราบจนในยุคปัจจุบัน วิธีแก้ปัญหาในยุคนี้ ทำโดยการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ และใช้กฎหมายเป็นตัวนำเช่นเดิม ผลที่ได้จึงไม่แตกต่างกัน นั่นคือความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จนทำให้ปรากฎข่าว การจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง จนผู้ค้ากลับกลายเป็นคนในวงของนักการเมืองเองเสียแล้วในยุคนี้

ปัญหาโรคเอดส์ ใช้วิธีการปกปิดข้อมูล ไม่ให้ทราบ ไม่ยอมเปิดเผยความอันตรายและรุนแรง จนทำให้การระบาดในประเทศเข้าขั้นวิกฤต ณ ปัจจุบัน คนไทย 1 ใน 60 คน เป็นโรคนี้ แล้วก็ยังไม่มีการกระทำใดๆ ให้ประชาชนตื่นตัว เพื่อป้องกันภัยจากโรคนี้ ทำให้วัยรุ่นคนรุ่นใหม่ กำลังหลงไปในวังวนนี้ เพิ่มมากขึ้น จนน่าตกใจ

แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ ถ้าคนติดยาเสพติด คลั่งทั้งเมือง ถ้าคนไข้เอดส์ที่ไม่ได้รับการเหลียวแล รวมตัวกันมาประท้วง ต่อต้าน และเอาเข็มไล่จิ้มคน อย่างที่เคยเป็นข่าว

สถานที่เล็กๆ "มูลนิธิไทยกรุณา" กำลังช่วยคนเหล่านี้อยู่ คนที่ไม่มีทางหรือไม่มีที่ยืนในสังคม ตราบจนปัจจุบัน มีผู้ประสพผลสำเร็จหายจากการติดยาเสพติด และหายจากโรคเอดส์ พอสมควร การดำเนินการเช่นนี้ ของหลวงพ่อนิพนธ์ แม้จะไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลเลยตลอดมา แต่ก็พยายามพึ่งตนเอง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีทางเลือก และมีโอกาสกลับไปเป็นคนดีของสังคมบ้าน สังคมเมือง และสังคมโลกอีกครั้ง

ผลตอบแทนของรัฐบาลไทยต่อมูลนิธินี้คือ การแจ้งเตือนจากสาธารณสุขว่า "การรับผู้ป่วยมาพักรักษาของมูลนิธิไทยกรุณา ขัดบทบัญญัติของกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุข ในการรับผู้ป่วยเข้าพักโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ"

เราไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ คิดกันอย่างไร หรือท่านๆ คิดกันอย่างไร กับการดำรงอยู่ของมูลนิธินี้ หรือไม่มีความน่าสนใจเท่ากับ รายการประกวดร้องเพลง รายการละคร ที่ต้องนำออกอากาศให้คนรับรู้ รับฟัง ทุกเมื่อเชื่อวัน

วันหนึ่งเราอาจเห็นม็อบแบบใหม่เดินเรียกร้องตามถนนก็เป็นได้ คือม็อบคนไข้ ที่ต้องการทางเลือกใหม่ อย่างที่เขาต้องการ ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย แค่ติดอันดับคอรับชั่น ก็อายจะแย่แล้ว ขืนมีข่าวนี้อีก ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44