เปี๊ยก เจริญพาสน์ มีเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทสนมกัน และร่วมกลุ่มกัน ฉายา เล็ก มีดโกน ด้วยเหตุที่ใช้มืดโกนหนวดด้ามยาว ที่ช่างตัดผมใช้เป็นอาวุธประจำกายนั่นเอง
แลชื่อจริงของ เล็ก มีดโกน คือ คุณสมศักดิ์ แลอีกด้านหนึ่งก็เป็นเพื่อนรักของหลวงพ่อนิพนธ์ เช่นกัน จึงไม่แปลกที่เราท่านหลายคน อาจจะเห็น คุณพิศาล เดินในมูลนิธิ เพราะด้วยสายสัมพันธ์อันนี้นี่เอง
หลังจากยุค ๒๔๙๙ ต่างคนต่างแยกย้าย หลวงพ่อนิพนธ์ไปบวช คุณสมศักดิ์ ไปอยู่อุดร จนในที่สุดทำอาชีพรับจ้างอเมริกา เป็นสายลับ หรืออยู่หน่วยจารกรรมนั่นเอง
จวบจนหลวงพ่อนิพนธ์ ลาสึกจากถ้ำกระบอก ก็ได้แวะเวียนไปหาคุณสมศักดิ์ ด้วยความที่เบื่อหน่าย และเสียใจที่ต้องลาสึก จึงถามคุณสมศักดิ์ว่่า อาชีพอะไรที่ตายง่ายสุด คุณสมศักดิ์จึงแนะนำให้ไปเป็น ไทยถีบ อันหมายถึงคนไทยที่ไปทำหน้าที่ถีบลัง อาวุธ ยุทธภัณฑ์ และเสบียง ของทหาร จากเฮลิคอปเตอร์ เพื่อส่งให้เป้าหมายที่อยู่ในเขตเวียตนาม นั่่นเอง และส่วนใหญ่ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ มักจะไม่รอดกลับมา ด้วยต้องฝ่าดงกระสุนมหาศาลนั่นเอง
ในยุคนั้น แคมป์ของนักบินอเมริกา ชื่อของหลวงพ่อนิพนธ์ จึงโด่งดังสุดๆ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า หากมีคนผู้นี้ไปด้วย ทุกคนจะได้กลับมาอย่างปลอดภัย จนมีนักบินอเมริกันบางคน ถึงกับบอกว่า หากจะให้ปฏิบัติภารกิจนี้ ต้องมีหลวงพ่อนิพนธ์นั่งไปด้วยจึงจะไป
ผ่านยุคจีไอ หลวงพ่อนิพนธ์ กลับมาเปิดสำนักที่ลพบุรี คุณสมศักดิ์ ก็กลับมากลายเป็น คนหาสถานที่ถ่ายทำหนัง ให้คุณพิศาล จนติดไข้ป่า เป็นมาเลเรียขึ้นสมอง และขณะขับรถขึ้นสะพานพุทธ เกิดอาการขึ้น ทำให้รถเสียหลัก ชนราวสะพานพุทธ และถูกส่งตัวไปที่ รพ. ศิริราช เป็นข่าวหน้าหนึ่งของยุคนั้น
เจ้าหน้าที่ พยายามกู้ชีวิต แต่ไม่สำเร็จ หากแต่เจ้าหน้าที่รู้ว่า คุณสมศักดิ์ เป็นเพื่อนกับท่าน ผอ. โรงพยาบาล คือ หมออำนาจ ในขณะนั้น จึงแจ้งอาการแก่หมออำนาจ ซึ่งก็สั่งว่า ยังไม่ต้องทำอะไร ให้เอาร่างเข้าห้องเย็น รอท่านมา
หมออำนาจมาถึง ด้วยความที่เป็น หมอด้านหัวใจอันดับหนึ่งของประเทศ จึงเอาร่างคุณสมศักดิ์ออกมา แล้วผ่าอก ใช้ไฟฟ้าจี้ที่หัวใจ จนคุณสมศักดิ์ กลับมาหัวใจเต้นอีกครั้ง
แลหมออำนาจ ก็เป็นเพื่อนของหลวงพ่อนิพนธ์เช่นกัน จึงเกิดเดิมพันกันว่า ใครจะเป็นผู้รักษา คุณสมศํกดิ์ ระหว่างหมอแผนปัจจุบัน กับหลวงพ่อนิพนธ์ ที่เพื่อนๆ เรียก หมอผี
หมออำนาจขอลองก่อน จึงใช้สรรพวิทยาที่มี จนผ่านไป ๗ ปี ก็ยอมแพ้ สภาพคุณสมศักดิ์ คือ ช่วยตัวเองไม่ได้ พูดจาลิ้นพันกัน จึงถูกส่งไปอยู่กับพี่สาว ที่อยุธยา
จนล่วงปีที่สิบ หลวงพ่อนิพนธ์จึงแจ้งแก่หมออำนาจว่า ขอลองบ้าง หมออำนาจก็ตกลง จึงไปรับตัวคุณสมศักดิ์มาอยู่เพื่อฟื้นฟู
หลัก ตนพึ่งตน ของพระภูมี จึงถูกพิสูจน์ด้วยคุณสมศักดิ์นี้เอง ให้เราได้ประจักษ์ เพราะคุณสมศักดิ์ นั้น ช่วยตัวเองไม่ได้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็ห้ามให้ใครช่วย ในยามทานข้าว ก็ให้จัดเตรียมวางไว้ คุณสมศักดิ์ ก็เสมือนนอนกิน เพียงแต่ให้คนดูแล อาหาร เสื้อผ้า ที่นอนให้
เมื่อเพื่อนของหลวงพ่อนิพนธ์มาหาและเยี่ยมเยือน เห็น ก็มักพูดว่า หลวงพ่อนิพนธ์นั้นโหด ทำเกินไป ทำไมไม่ให้คนป้อน
หลวงพ่อนิพนธ์ บอกกับคุณสมศักดิ์ว่า นี่แหละผลแห่งการกระทำ ยุคที่อยู่อุดร เป็นสายลับ เหยียบกลางหลังเขา แล้วยิงหัว ผลอันนั้นมาหาแล้วในวันนี้ หากทำใจได้ ก็ยอมรับ แล้วสู้ ช่วยตัวเอง นึกถึงคนที่เหยียดหยามตนเอาไว้ เมื่อเห็นสภาพนี้
คุณสมศักดิ์ ก็ค่อยพัฒนามาเป็นนั่งได้ แต่กินข้าวที กระจายไปกว่าครึ่ง เพราะควบคุมมือยังไม่ได้ จนมาเริ่มทำได้ ก็เริ่มหัดเดิน ภาพที่เราเห็นจนชินตา คือ เดินหน้าสองก้าว ถอยหลังหนึ่งก้าว
อาศัยไม้เท้า และความไม่ยอมแพ้ หลวงพ่อนิพนธ์ให้ไปอยู่ศรีสวัสดิ์ ด้วยเป็นเขา ทุกวัน เดินหน้าสองถอยหนึ่ง พาตัวเองไปหาพระบนยอดเขา เดินตั้งแต่เช้า กว่าจะถึง ฉันเช้าพอดี
ผ่านไปหลายปี คุณสมศักดิ์ ก็ฟื้นฟูตัวเอง สำเร็จ กลับมามีสภาพปกติ แลหากย้อนไป ในระหว่างฟื้นฟู ก็มักบอกกับคนรอบข้าง และหลวงพ่อนิพนธ์ว่า หากโชคดีหาย ก็จักไม่ไปไหน จะอยู่รับใช้หลวงพ่อนิพนธ์ไปจนตาย ด้วยวัยที่ล่วงมากว่าหกสิบปีแล้ว
ครั้นหายเป็นปกติ หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้ย้ายมาอยู่ศาลาขนมไทย ด้านหน้าที่ถูกรือไปแล้ว ไม่นาน คุณสมศักดิ์ก็มาลาหลวงพ่อนิพนธ์ ขออนุญาตไปแต่งงาน
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เห็นว่า คุณสมศักดิ์ เป็นเพื่อนคนเดียวของท่าน ที่ยอมกราบและเรียกหลวงพ่อ บอกให้ทำอะไรทำ และใช้ความแค้น ที่ถูกเหยียดหยาม มาเป็นพลังในการฟื้นฟูตน และก็สำเร็จ นั่นก็ย่อมเกิดกับคนที่เป็นน้อยกว่า คือ อัมพฤกต์ อัมพาต ผู้ซึ่งเชื่อว่าตนเป็นคนไร้ค่า ทำอะไรไม่ได้ หากแต่ถ้ากระตุ้นพลังของเขาได้ คนเหล่านั้น ย่อมฟื้นฟูตน ได้ง่ายกว่า คุณสมศักดิ์มากนัก จะติดอยู่ก็แต่ความสงสารของพี่เลี้ยง โดยเฉพาะพ่อแม่ ลูกหลาน ที่ไม่ยอมให้คนป่วยทำด้วยตัวเอง
หลักตนพึ่งตน คนที่จะสำเร็จ องค์ประกอบที่สำคัญ หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า ต้องมีขันติ อดทน ยอมรับกรรม ใช้ และไม่สร้างกรรมใหม่ ... พร้อมกันนั้น ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นให้สุขแก่ผู้อื่น เมื่อพิจารณาหนทางของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมานี้ ก็จักเห็นว่า ไม่ว่าโรคใด ผลสำเร็จย่อมเป็นไปได้ทั้งสิ้น หากทำตาม และยืนระยะได้