จากบันทึกของกรมศาสนา ระบุว่า สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก ถือสัจจะฉันอาหารมื้อเดียว ไม่ขึ้นรถและทำหน้าที่ด้านสังคมสงเคราะห์บางอย่าง มีชื่อเสียงมากในการรักษาโรคของคน โดยเฉพาะพวกที่ติดยาเสพติด ฉะนั้นสำนักนี้จึงเป็นสำนักที่มีอิทธิพลต่อบรรดาศิษยานุศิษย์ที่เคยติดยาเสพติดมาก
ตามข้อเท็จจริง สำนักนี้ เดิมนางเมี้ยน ปานจันทร์ ได้ริเริ่มก่อตั้งปี 2500 โดยนางได้บวชเหมือนพระสงฆ์ และนุ่งห่มผ้าเช่นเดียวกับพระสงฆ์ ได้สถาปนาลัทธิสัจจะโลกุตตระขึ้น และได้เดินมาธุดงค์ที่กรุงเทพฯ นักบวชครูวรมัย กบิลสิงห์ ได้บันทึกไว้ว่า ภิกษุและสามเณรชาย ประมาณ 70 รูป ยอมยกย่องว่าท่านเป็นโลกุตตระจริงๆ จึงยอมกราบไหว้โดยเต็มใจ และได้ถามพระว่า ทำไมไหว้ผู้หญิง ด้วยผิดพระวินัย ได้รับคำตอบว่า "อาตมาไหว้ครูบาอาจารย์" บทสัมภาษณ์ของท่านกับแม่ชีเมี้ยน ได้ตีลงใน หนังสือพิมพ์เสียงอ่างทอง ในขณะนั้น
และเมื่อ 19 มกราคม 04 เมื่อเดินมาถึงปทุมธานี ก็ได้รับทราบว่าเจอข้อหา ทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 208 และถูกเชิญตัวไปที่กองปราบสามยอด และเกิดเหตุฟ้าผ่ากองปราบจนต้องย้ายที่ตั้ง ดังนั้น ยุคของสำนักสงฆ์แห่งนี้ จึงแบ่งเป็นสองช่วง คือ ก่อนปี 2512 โดยเฉพาะนับตั้งแต่ปี 2504 ถือว่าเป็นช่วงรุ่งโรจน์สูงสุด ในการรักษาโรค ที่นับว่ามีประสิทธิภาพมาก และยุคหลังปี 2512 คือ หลังจากการสิ้นของแม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์ การรักษาก็เริ่มด้อยประสิทธิภาพลง กระนั้นก็ตาม มูลนิธิแมกไซไซ ได้ใช้ข้อมูลเดิม จึงพิจารณาผลงานและให้รางวัลในปี ๒๕๑๘ แก่ท่านจำรูญ ปานจันทร์ ชื่อของถ้ำกระบอกก็เริ่มเลือนหายไปจนแทบไม่เหลือความยิ่งใหญ่ในอดีต ไม่ว่าผลงานด้านการรักษา หรือข้อปฏิบัติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น