หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายว่า อดีต เราทำไว้แล้ว ผลของอดีตเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ถ้าผลผิดเกิด นั่นย่อมสะท้อนว่าสิ่งที่ทำมานั้นผิด ใครจะบอกดีแล้ว ตามโบราณ ตามประเพณี ตามคำสอนก็ว่าไป แต่ผลผิดนั่นเป็นเครื่องชี้ ในสิ่งที่ตนเชื่อ ตนทำว่าทำไม่ถูกร่อง
ทีนี้ถ้าไม่อยากให้เกิดอีก เมื่อพิจารณาเห็นอดีต อยากเปลี่ยนอนาคตให้ดี ก็ย่อมต้องเปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนการกระทำ เปลี่ยนนิสัย ผลในอนาคตก็จักไม่เกิดเยี่ยงนี้อีก
สำหรับปัจจุบัน เมื่อแก้ไขอดีตไม่ได้ เราทำไว้แล้ว เราก็ควรยอมรับ ยอมใช้ เมื่อใช้ย่อมหมดลง
ปัญหาของมนุษย์ก็คือ ปฏิเสธ ผลักออก เอาแต่สิ่งที่ตนชอบ กรรมดีเอา ถูกรางวัลยิ้มรับ แต่กรรมชั่วตนทำมา บอกไม่รู้ ไม่เอา
ท่านจึงว่า กรรมทำไว้ต้องปวดหัว ชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ไม่เอา ไม่ยอมปวดแม้นเสี้ยวนาที ปวดปุ๊บคว้ายาปั๊บ
ไม่เชื่อหรือตัวกระทำไม่ตาย กรรมมีจริง ใครหรืออะไรจะมาทำลายไม่ได้ ปฏิเสธปวด ทีละหนึ่งหรือสองชั่วโมง กรรมนั้นมันไม่ได้หายไป มันก็เหมือนเขื่อนกั้นน้ำสะสมไว้มากเข้า เขื่อนทนไม่ไหวพังมา ทีนี้มาเป็นมะเร็งเลย
บทสรุป เมื่อมนุษย์ไม่เชื่อกรรมมีจริง อดีตมาส่งผลให้ทุกข์ มาเตือน แทนที่จะลดพฤติกรรม กลับเชื่อความโลภ ตุนกันใหญ่ โก่งราคา ให้ทุกข์กับผู้คนซ้ำไปอีก หากินกับชีวิตมนุษย์ เสมือนเติมฟืนเข้ากองไฟ ร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
ถ้าเชื่อแม่ชีเมี้ยน ทำตามรอยพระภูมี ที่หลวงพ่อนิพนธ์สอน ยามนี้ต้องยิ่งพยายามให้สุขกับผู้อื่น
ท่านเคยให้สติไว้เมื่อครั้งเปิดสำนักที่ศรีสวัสดิ์ ที่ซึ่งต้องนั่งแท๊งค์ข้ามฝาก ท่านชี้ให้พิจารณา ดูสิ คนบนแท๊งค์นี้ทุกคนล้วนแต่มาสร้างกรรม มีแต่พวกเราที่มาสร้างบุญตามรอยพระโคดม ก็แล้วพวกเราจะไปกลัวอะไร ถ้ากรรมเขาจะมาพิฆาตมนุษย์ กลุ่มของเราเขาก็คงไม่เอาหรอก เพราะเราเดินตามธรรมคำสอน ไม่ใช่เดินตามกรรม
อดีตมาส่งผลทุกข์แล้ว ยังหยุดหรือลดการกระทำสร้างทุกข์ให้ผู้อื่นไม่ได้ หน้ากาก เจล หรือวัตถุใด มันจะหยุดกรรมให้ท่านได้โดยวิธีใด