หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบาย ศาสนาอุบัติ ทุกสองพันห้าร้อยปี เพื่อหาผู้ปรารถนาทำตนเป็นพระพุทธเจ้า เป็นผู้นำของสัตว์โลก นั่นหมายความว่า โลกใบนี้มีพระพุทธเจ้ามาแล้วมากมาย กระดูกเราที่เกิดมากองรวมกันสูงกว่าภูเขาหิมาลัยเสียอีก
อย่าว่าแต่ธรรมของพระองค์ แม้นแต่พระนามอาจจะไม่แม้แต่เคยได้ยิน อาทิ เยนะจะจะพุทธะ เขนะตะจะพุทโธ
ที่เราคุ้นเคยพอได้ยิน แม่ชีเมี้ยนตรัสสอน นำธรรมคำสอนเฉพาะเพียงพระพุทธเจ้า 4 พระองค์หลังสุด คือ พระกุกกุสันโธ พระโคนาคม พระกัสสปะ และพระโคดม
พิจารณาก็เห็นได้ว่า ธรรมที่นำมาสอนในยุคนี้มีนับจากพระองค์แรก ก็มีอายุขัย หมื่นปี
ทีนี้ เราอาจเคยได้ยินว่า ธรรมของพระโคดมมีอายุขัยห้าพันปี นั่นแสดงว่าถ้าวันนี้ไม่มีผู้ทำตนได้ ศาสนาของพระโคดม ก็หักกลาง อยู่ไม่ครบห้าพันปี แต่เชื่อเถอะต้องมี แลจะอุบัติในประเทศพม่าอย่างแน่นอน
อีกนัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าที่จะอุบัติขึ้นในโลกนี้ ที่จะใช้ธรรมของพระโคดมนำตนก็มีเพียงสองพระองค์ที่จะได้ใช้
ยุคขององค์ที่สองต่อจากพระโคดม คือ อีกสองพันกว่าปี ถ้าเราท่านยังอยู่ ก็อาจไม่มีใครรู้หรือได้ยินชื่อ พระกุกกุสันโธแล้วก็เป็นได้
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ว่า ก็แล้วเราจะไปถึงสุขโดยวิธีใด ถ้าเราท่านไม่เรียนรู้ธรรม คือตัวกระทำของสี่พระองค์ ที่ทำตนจนเป็นพระพุทธเจ้า
มัวแต่จดจำตำราหนังสือ ที่พราหมณ์แต่ง ก็สร้างความคิดแก่ตน เราไม่ได้เกิดมามีบัวรองเท้า ไม่รู้เคยสร้างบารมีสิบทัศน์กับเขามา เราก็คงไปไม่ได้ ทำไม่ได้ เป็นอรหันต์ไม่ได้ ก็เลยไม่สนไม่ทำ
แต่ความจริง ดูสิ เยี่ยงอย่างท่านองคุลีมาล อดีตชาติไม่ต้องกล่าวถึง แค่ชาติที่เรารู้ ฆ่าคนมาเท่าไหร่ ก็ฆ่าแค่คนเดียว บาปยังมหาศาล ท่านฟัง พระโคดม เชื่อ พิจารณาแล่วทำตาม ยังไปได้ในชาติเดียว เรื่องของศาสนา ท่านว่า เอากันในชาติเดียวนี้แหละ
ทีนี้ย้อนมาที่เราท่านประสบ แค่โรค ก็คงไม่ได้ไปฆ่าใครมากมาย ในเมื่อธรรมที่พระโคดมสอน พาองคุลีมาลไปนิพพานได้ ทำไมจะพาพ้นโรค พ้นภัยไม่ได้เล่า
นี่มาเอาแต่สมุนไพร แต่ไม่เอาธรรมพระโคดมเลย จะไปถึงสุขโดยวิธีใด เชื่อหรือหายโรคแล้วจะถึงสุข ไปถามคนที่ไม่มีโรคสิ มีทุกข์อะไรไหม
แม่ชีเมี้ยนชี้ชัด จะไปถึงสุข ก็ด้วยต้องเริ่มที่มีขันติ อดทน จะมีขันติ อดทน ก็ต้องไปสละแรงกาย ทำให้ผู้อื่น การกระทำเยี่ยงพระโคดมนี้เป็นเหยื่อล่อ ทำไมผลจึงมหาศาล ก็เป็นเป้าให้คนเขาวิพากษ์วิจารณ์ นั่นเอง
คนเขาบอกพระหลวงพ่อนิพนธ์ปลูกผักกินเอง ไม่ใช่ เขาทำเอานิสัย ทำเพื่อลดนิสัย เสียงที่มากระทบ จะทำให้การกระทำเราเปลี่ยนหรือไม่ ถ้าเรายังทรงกายทำให้ ยังเที่ยงอยู่ นั่นแลมี ขันติ อดทน คนไม่รู้ก็หมิ่น ปลูกทำไม
ดูรอยพระโคดม อุทิศตนออกบวช เพื่อหาโมกขธรรม เดินบิณฑบาตไปทางไหน คนเขาก็ด่า ว่าบ้าบ้าง เนรคุณทิ้งพ่อบ้าง เป็นกษัตริย์ไร้บัลลังก์ มากมาย
นี่แล ถ้ากายยังไม่ผ่าน ทรงตัวกระทำไม่ได้ ทำให้เที่ยงไม่ได้ ทนเหตุไม่ไหว แล้วท่านไปเชื่อพวกที่สอนให้นั่งทำใจ แล้วจะบรรลุได้ มันจะเป็นได้หรือ
กายที่ประกาศฟ้าดิน จะบวชตลอดชีวิต ทานมื้อเดียวตลอดชีวิต ไม่ขึ้นรถและลงเรือตลอดชีวิต ไม่รับเงินรับทองตลอดชีวิต เจอเหตุมันยังทำไม่ได้ ก็แล้วใจเล่า ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น มันจะทำได้โดยวิธีใด
มันจึงไม่แปลก พระบางรูป กายยังทำไม่ได้ เอาแต่นั่ง นั่งไปนั่งมาก็ประกาศตนว่าเป็นอรหันต์ ดูในยูทูปก็มีให้เห็น
ทุกสิ่ง เกิดมาจึงมีเวลา อายุขัย ถึงเวลาก็ต้องดับ พระพุทธกาลเป็นโรค รู้นั่นผลตัวกระทำที่ตนทำไว้ จึงสงบและใช้ขันติ อดทน เราทำไว้แล้วเราต้องรับ ยิ่งมีโรคอุบัติ ยิ่งต้องเคร่งวินัยธรรม ด้วยเชื่อ ตัวกระทำไม่ตาย
จะมีก็แต่ หากกรรมนั้นมันหนักหนาสาหัส จนอาจทำให้เสียวินัย ก็จึงฉันสมุนไพร เพื่อให้ทรงวินัยต่อไปได้
และถ้าต้องตาย ก็รู้ว่าด้วยหมดอายุขัย เอาโรคมาเป็นเหตุ มิใช่โรคทำให้ใครตายได้ มาเพียงให้ทุกข์ จากตัวกระทำที่ตนได้ทำไว้ ถ้าไม่ถึงที่ตาย อะไรก็มาดับขัยตนไม่ได้ จิตสงบ แลใช้ขันติ อดทน ยอมใช้ ถึงเวลากรรมมันก็หมด โรคก็หายไป สมุนไพรจึงไม่ใช่ทานเพื่อรักษาโรค
แม่ชีเมี้ยนพยากรณ์ให้สติ ตื่นวัว ตื่นควายหรือจะสู้ตื่นคน คนไร้สติ อันไหนใครว่าดี คว้าหมด ทำตนเหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง บางทีแก้จนรัดจนตาย
ดูเอา โควิด เหมือนเส้นผมบังภูเขา ใครเห็นรอยพระโคดม แล้วเดินตาม เรียกตนว่าทำตนเหมือนพวกขี้คลอก เวลานี้ เดินถนนสบายแฮ จิตสงบ กายสบาย ถึงติดก็ไม่ตื่นตูม