ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ทำไมยาก
รูปรอยของศาสนาที่เราเห็นประการหนึ่ง คือ มีคนทำได้ไม่ถึงแสน จากคนอินเดียเป็นร้อยๆล้าน
แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า “เพราะเป็นนิสัยที่เราท่านยังไม่มี หรือยังทำไม่ได้นั่นเอง” คนดีคนทำได้ ไปนิพพานกันหมดแล้ว
มันจึงไม่แปลกที่คนทั้งหลายที่มาพบศาสนาในวันนี้ แม้นจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญคือเคยพบเคยสัมผัสมาแล้วในยุคพระโคดม แต่ยังทำไม่ได้หรือยังไม่ยอมทำ เราท่านจึงมาอยู่มาเจอทุกวันนี้ ปัญหาก็คือ มันห่างมันร้างมานานแล้ว มันเคยแต่เริ่มไม่คุ้น มันจึงต้องเริ่มต้องฝืน กับสิ่งที่ต้องทำ ด้วยไม่เคยทำหรือไม่ได้ทำมานานนั่นเอง
ศาสนาจึงเป็นเรื่องเหตุและผล ฟังคำสอน พิจารณา เชื่อทำตาม แล้วดูผล
นั่นแปลว่า ต้องยืนระยะ เพื่อให้ผลเกิด วิญญาณจะได้สัมผัส การกระทำที่เริ่มแต่เพียงกาย หรือวาจา มันจะได้ซึมซับถึงวิญญาณเมื่อเห็นสิ่งที่ทำได้ นิสัยตนที่ลดลง ผลที่เกิด ร่างกายที่ดี ศรัทธาก็จะเกิดมหาศาล
บทสรุป ความยาก จึงอยู่ที่ไม่ยอมฟัง ยึดความเชื่อเดิม จนไม่มีช่องว่าง ทำตนเหมือนคนตาบอด ไม่เอาเหตุเอาผล
ภาพที่ปรากฏที่เห็นจนชินชา นับแต่อดีต อาทิ คนป่วยเอดส์พ่อเลี้ยงเชียงราย ที่หามมา ทานสมุนไพรจนแบกซุงได้ ตอนทานสมุนไพร มักหันหน้าไปทางเหนือ หลวงพ่อนิพนธ์ให้เราไปถาม ได้คำตอบว่า “ไหว้เกจิอาจารย์ดังที่ตนนับถือ” มาจนวันนี้ ภาพนี้ก็ยังปรากฎ
บทสุดท้ายของคนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ก็คงลงเอยเหมือนพ่อเลี้ยง ที่พอดีแล้วก็กลับไปลั้นลาพอแย่กลับมาอีก จะทานสักฉันใดก็ยากแล้ว ตอนมาครั้งแรกมายังไง ก็กลับไปสภาพนั้น รายแล้วรายเล่า บางคนช่วยลุกจากเตียง ICU ดีแล้ว คำสอนก็วางไว้ไปทำที่ตนชอบ เดินสายแก้บน ท้ายสุดลูกก็เรียน พ่อกลับไปนอนเตียงเก่าที่เคยช่วยมาแล้วจากไป
ความยากที่ว่า นั่นคือ ใจที่ไม่เอาเหตุเอาผล ไปเปลี่ยนตนนั่นเอง จะทำแต่สิ่งที่ตนเชื่อ ตนยึดถือ
วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ความเชื่อ
ศาสนา มีจุดเริ่มที่ “ความเชื่อ” ที่ซึ่งเกิดจากการฟัง พิจารณา แล้วจึงเชื่อในเหตุและผลของศาสนา
ลัทธิความเชื่อ ทั่วไป มีรากฐานความเชื่อ จากความชอบของตน คิดว่าทำแล้วดี หรือ เขาเล่าว่า เขาบอกว่าดี ก็ทำตาม
ผลที่เกิดมันจึงเป็นความงมงาย เพราะเชื่อในสิ่งที่ไม่มีตัว ไม่มีตน
แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า เมื่อศาสนาของพระภูมีเฟื่องฟู คนทั้งหลายประชาชนพลเมืองที่ชื่นชอบ จะส่งตัวแทนมาเรียนรู้พระธรรมคำสอนไปปฏิบัติ ในหมู่ตน
ศาสนาในโลก ท่านชี้ว่า รากเหง้าจึงมาจากศาสนาโลกียะคือพราหมณ์. แลศาสนาโลกุตระ คือ พุทธศาสนา
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ศาสนาโลกียะทำให้มนุษย์หลงทาง จึงมีพระเจ้ามากมาย ไม่มุ่งหลุดพ้น หากแต่ศาสนาโลกุตระ สอนให้หลุดพ้นจากโลก จึงเริ่มที่การมีพระพุทธหรือพระเจ้าองค์เดียว การกระทำจึงมีทิศมีทางในร่องธรรม
บทสรุป จึงไม่แปลก ว่าทำไมยุคถ้ำกระบอก คนที่เข้ารับการรักษา จึงเริ่มต้นให้ความสำคัญที่นับถือศาสนาพุทธตลอดชีวิต หรือมีพระเจ้าองค์เดียวตลอดชีวิต และไม่นับถือกราบไหว้ ลัทธิความเชื่ออื่นตลอดชีวิต
ก็ทิศที่จะมุ่งหน้าตรงไปหลุดพ้น มันมีหนึ่งเดียวนั่นเอง ที่มีตัวมีตน คือพระพุทธเจ้า เดินตามจึงมีผลช่วยตนได้ ก็แล้วความเชื่ออื่น มันไม่มีตัวไม่มีตน นับแต่อดีตจึงไม่ปรากฎว่าจะพาใครไปได้สักคน
วิทยาศาสตร์ก็เป็นลัทธิความเชื่อหนึ่ง ที่มันเพ้อฝัน สร้างภาพว่าไปดวงจันทร์ มันจะไปโดยวิธีใด ในเมื่อมนุษย์เป็นบริวารของโลก ถามเขายัง เขายอมหรือ นั่นมันแมงโม้ ของมหาอำนาจ แหกตาชาวโลกเท่านั้นเอง
คนไม่รู้เรื่องศาสนา อาจหลงเชื่อ เหมือนเชื่อลัทธิความเชื่อต่างๆในโลก แต่เมื่อเจอศาสนา รู้ว่าศาสนาพามนุษย์ไปโลกนิพพานโดยวิธีใด จึงรู้ว่านั่นมันแค่ปาหี่ไม่เป็นจริง และไม่มีทางทำได้ ดุจเสมือนหายารักษาโรคตายนั่นเอง
ความสำคัญที่สุดเมื่อพบศาสนา จึงมิใช่การหายโรค แต่เป็นการตั้งหางเสือ ความเชื่อที่ถูก ติดวิญญาณต่างหาก เราท่านจะได้ทำถูก พบสุขที่แท้จริง
วันใดที่พระพุทธเจ้าประกาศตน อุบัติในพม่า ศาสนาที่แตกออกไปจะกลับมารวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง ทำตนรอดูเถอะ
วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
พระของแม่ชีเมี้ยน
หลักของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ทำให้ภาพความแตกต่างของพระในยุคนั้นเด่นชัด จนทำให้พระผู้ใหญ่ในยุคนั้นบางคน ถึงกับประกาศ ไม่อยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกัน
ทำไมหรือ พระถ้ำกระบอกในยุค 2504 เขาทำอะไร แบบไหน จึงมีมวลชนนับหมื่นนับแสนหนุนหลัง ผ่านวิกฤตอันนั้นได้
วัตรปฏิบัติที่เด่นชัด คือ
✅ ฉันหนเดียว
✅ รถเรือไม่ขึ้น
✅ เงินทองไม่รับ
✅ มีธุดงค์เป็นวัตร
นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปเห็น แลไม่เหมือนวัดใดในยุคนั้น
แต่ที่คนบางคน อาจรู้ บางคนอาจเคยได้ยิน บางคนไม่รู้เลย นั่นคือ เรื่องของการปฏิบัติประจำวัน ด้วยแนวทาง “สัจจะ"
เหตุที่ใช้สัจจะเป็นผู้นำ ย่อมต้องดูรอยของพระภูมีทุกพระองค์ ว่าสิ่งที่ท่านทำ นั่นคือ พิจารณานิสัยตนไปวันหนึ่งๆเท่านั้นเอง เมื่อพิจารณาเห็นนิสัยตน การจะทำให้ลดน้อยถอยลง หรือตัดลงได้ แม่ชีเมี้ยนชี้ว่า ท่านก็ใช้การประกาศ “สัจจะ” นี่แหละ เมื่อพูดแล้ว ทำให้ได้ตามที่พูด
แม่ชีเมี้ยนชี้ว่า เมื่อสร้างกรรม ก็พร้อมด้วย กาย วาจา ใจ มันเป็นตนย้อนมาให้ทุกข์ เมื่อจะสร้างธรรม ครั้นประกาศออกไป อ้างดินฟ้า อากาศ เป็นพยาน ก็ทำให้ถึงพร้อม กาย วาจา ใจ เรียก แก้วสามประการ ผลบุญจึงเกิด นิสัยกรรมของตนจึงลดลงได้
ก็แล้วกิจกรรมเล่า นั่นศาสนาทำโรงทาน ให้เป็นที่พึ่งของคนทุกข์ แลคนที่อยากทำบุญ ทำทาน เชื่อพระก็มาร่วมกันทำ จึงเกิด การรักษายาเสพติดขึ้นนั่นเอง
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้เสมอ เราทุกข์ด้วยกรรมที่ทำมา จะเห็นสุขย่อมด้วยมือเราทำ แต่จะเริ่มที่คิดดี นั้นไม่พอ เพราะไม่แน่ว่าจะมีสติ จึงเริ่มทีละน้อย หนึ่งชั่วโมง ให้สัจจะเป็นสตินำตน สร้างพฤติกรรมนิสัยของพระพุทธเจ้า ทำให้ถึงพร้อม กาย วาจา ใจ ทำได้นั่นแลบุญ ที่ตนทำเป็นที่พึ่งแห่งตนได้
จึงไม่แปลกโรคจะสาหัสเพียงใด การบวชในหลักธรรมโลกุตระ ที่นานพอพาพ้นปล้องกรรม ภาพที่คนยุคก่อนเห็นจึงหายทุกตัวคน
ก็แล้วทำไมไม่ใช้ศีลเหมือนทั่วไป
ท่านว่า เอาแต่ศีลข้อหนึ่ง ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อสอง ไม่มุสา หรือโกหก ประกาศออกไป ถ้าทำได้ก็ดี ยิ่งใหญ่ แต่ใครเล่าจะทำได้ สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยมากมาย ยิ่งไม่มีกำหนดเวลา ต้องทำทุกขณะจิต ท่านว่าอุปมาผู้ทำได้ต้องเดินรอบขอบเขตประเทศไทย ซึ่งหามีไม่ เพราะอาจเผลอเดินเหยียบ เพราะซ่อนใต้ใบไม้ หรือหลับไปยุงกัดก็ตบ นั่นหมายถึงศีลข้อหนึ่งก็เสียไปแล้ว เมื่อพูดแล้วทำไม่ได้ เกิดฆ่าสัตว์ ศีลข้อสองก็พลาดไปด้วย นี่แลมันใหญ่เกิน ทำไม่ได้ ผลมันจึงเป็นหอกย้อนมาทิ่มตน ยิ่งรับยิ่งประกาศว่าตนรับศีล ก็เลยไม่รู้ทำไมวันนี้เราจึงเจ็บ ก็สรรพสัตว์เขาฟ้อง ไหนว่าไม่ฆ่าสัตว์ แล้วมาฆ่าฉันทำไม ดูหน้ารถสิ แมลงตายเกลื่อน
สัจจะที่ท่านอาสิ แลท่านชลอ สอนให้ทำ จึงให้ประกาศ เอาเฉพาะที่ตนพอทำได้ เมื่อหนึ่งชั่วโมงทำได้ สองก็ทำได้ ยิ่งมีนิสัยพระพุทธเจ้าในตนมาก ยิ่งสุข ยิ่งสงบ
เมื่อวิญญาณสูง ก็จะพากายสูง พ้นโรคโดยง่าย จะหายก็ด้วยตนทำ จึงเรียกหลัก “ตนพึ่งตน” ที่มุ่งหมายสร้างสุขให้ผู้อื่นเป็นอุปนิสัย สุขจึงย้อนมายังตน
ไม่ได้บอกว่าที่นี่แน่ แต่ชี้ให้เห็นว่า จะหายโรคแล้วไปสร้างทุกข์ให้ผู้อื่นอีก สรรพสัตว์ที่ไหนยอม ถ้าหมอช่วย แล้วผู้นั้นมีแรง ไปฆ่าคน ถามหน่อยคนที่ถูกฆ่า เขาไม่ร้องหรือ มึงช่วยมันให้มีแรงมาฆ่าเขาทำไม มันควรตาย ควรหมดแรงฆ่าคนแล้วมิใช่หรือ นี่แลทำไมไม่มียารักษาโรคตาย เพราะโรคตาย ย่อมหมายถึง ไม่สามารสร้างกรรมได้อีก ต้องรอรับกรรมที่ทำมาแล้ว
วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
หนี้
พูดฟังง่าย คือ เราเป็นหนี้กรรม เขามาทวงแล้วนั่นเอง
คำถามก็คือ “จะหมดหนี้นี้โดยวิธีใด”
คนทั้งโลก วิธีที่เขาใช้ คือ “หนีหนี้” ปฏิเสธ ไม่เอา ไม่ใช้ ไม่จ่าย ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด จะทำพิธีกรรม ยาเคมี ขอพร ไปยันนั่งสมาธิ เพื่อให้หาย
ยิ่งหนี ดอกยิ่งเพิ่ม ทวีคูณ โรคจึงมีแต่เพิ่ม จากหนึ่งเป็นสอง สาม สี่
ท่านเรียกว่า “หลักบวก”
บทสรุป ทางเลือก ศาสตร์พระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เป็นหลักลบ แต่ทำยาก เพราะแก้ที่ต้นเหตุคือกรรม ผู้ทำต้องมีการกระทำเหนือมนุษย์ ต้องใช้ขันติอดทนมหาศาล ในการยืนระยะ ผู้ทำได้ ผลตอบแทนจึงได้ในสิ่งที่คนทั้งโลกอยากได้แต่ไม่ได้ คือหายโรค
ที่สำคัญกว่า กรรมนี้ โรคนี้ หายไป ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอีก นี้แลคือคำตอบว่า ทำไมต้องทำนิสัย
ท่านอาสิว่า มันจะได้ไม่ก่อกรรม มาเป็นโรคใหม่รอเราอีกนั่นเอง นั่นแลเรียกหายโรค
พระพุทธเจ้า สงฆ์สาวกแลพุทธบริษัท ของพระพุทธเจ้า จึงไม่มีหรอกเป็นโรคตาย “หมอชีวก” มันแค่แต่งขึ้น ข่มว่ามันเก่ง เหนือพระพุทธเจ้า ดูสิยังต้องพึ่งมันเลย
พระพุทธเจ้าเป็นพหูสูต รู้รอบครอบจักรวาลถ้าต้องพึ่งผู้อื่น จะบัญญัติหลัก “ตนพึ่งตน” ได้อย่างไร
ใครมันแน่ ว่ามียาดี รักษาโรคได้ วันหนึ่งมันก็เจอกรรมของมันเอง ฟ้องตัวมันเอง
ถ้าเชื่อศาสนา อยากสุขต้องพึ่งตนเอง ถ้าพึ่งผู้อื่นไม่มีวันถึง อยากหายโรค จะร้องให้ใครช่วย มีแต่ตนของตนเท่านั้น เคลียร์หนี้ตนได้ ที่นี่จึงมีคนหายโรคให้เห็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)