บทพิสูจน์ ความคิดของคนไทย วันนี้เมื่อมีผู้คนหลั่งไหลมาใช้ทางเลือก "สมุนไพรไทย" เป็นที่พึ่ง สถานที่ที่หลวงพ่อนิพนธ์จัดไว้รองรับคนไข้ เพื่อรักษาผู้ป่วย ซึ่งคือบ้านของท่านเอง ที่ตลาดท่าเรือ กลายมาเป็นศาลาขนมไทย ขนาดความกว้างสิบคูหา ซึ่งถูกถามจากคนในครอบครัวว่า ทำไมต้องสร้างเสียใหญ่โต ศาลาแห่งนี้ก็เริ่มรับคนมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้ทีมของคุณพิศาล อัครเศรณี อ.อร่าม ศิริพันธ์ อ.สุนทร เฉลิมสันต์ และโต้โผใหญ่อย่าง คุณบุญเติม ติวานนท์ คุณประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เหมือนเสือเข้าป่า ทำให้กลายเป็นศาลาปลากระป๋องในพริบตา
การเพิ่มขึ้นของผู้มีกำลังและใจศรัทธา ทำให้เกิดเป็นชมรมคนรักสุขภาพ และพัฒนามาจนเป็นมูลนิธิไทยกรุณาในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ให้บริการคนที่กำลังเป็น "โรคท่วม" ที่เป็นภาระแก่ครอบครัวและประเทศ ให้เขาทั้งหลายสามารถกลับมาเป็นคนที่มีประโยชน์ได้อีกครั้ง
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ แม้มูลนิธิฯ จะมีผลงานมากมายและอยู่มานาน แต่ก็ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐเลย และยิ่งแปลกไปกว่านั้น สำหรับเมืองไทยเมืองพุทธ ที่มีจิตใจเผื่อแผ่ สร้างบ้านราคาหลายสิบล้าน เพียงเพื่อหมีแพนด้า บริจาคสมทบมากมาย เพื่อหมา ร่วมกันก่อสร้างสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกเต็มประเทศ จนทำให้เราอยากถามว่า "คนที่มาพึ่งสมุนไพร ไม่มีค่า ให้ทุ่มเท สนับสนุนหรืออย่างไร หมี หมา สิ่งปลูกสร้าง มีค่่ากว่าชีวิตคนหรืออย่างไร" คนไทยและรัฐจึงเมินเฉย
ความจริงคือความจริง สิ่งที่รู้กันอยู่และประจักษ์แต่ไม่ยอมพูด คือความล้มเหลวในการรักษาโรคโดยการแพทย์แผนปัจจุบัน ยิ่งหมอผี สมุนไพรเถื่อน อาหารเสริม ไม่ต้องกล่าวถึง แต่วิธีการรักษาของแม่ชีเมี้ยน คือของจริง ที่คนในวงการแพทย์กลัว เพราะรู้ว่าถ้าความรู้อย่างนี้เปิดเผย ย่อมถึงกาลอวสานของรายได้มหาศาลของพวกเขานั่นเอง เราจึงไม่แปลกใจ แต่ที่แปลกใจอย่างมาก เมื่อเห็นกลุ่มคนไปเดินขบวน เพื่อเรียกร้องสิทธิอันนี้ อันโน้น มีผู้คนร่วมมากมาย บาดเจ็บล้มตายก็ปรากฎ แต่ไม่มีคนไข้ใดเลยที่รวมตัวไปเรียกร้องสิทธิที่จะให้รัฐบาลประเทศนี้ สนับสนุนสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ที่แม้แต่อเมริกายังยอมรับ ให้มาเป็นทางเลือกของพวกเขาเอง
วันหนึ่ง เมื่อคนเป็นโรคเต็มเมือง ยาเสพติดเต็มบ้าน เอดส์ล้น สิ่งที่คนไทยคิดพึ่ง คือโรงพยาบาล หมอ หรือฝรั่งที่ผลิตยามาขาย จะประจานความล้มเหลว พร้อมกับตัวเงินที่ฝรั่งสูบไปจากแผ่นดินไทย มากมายกว่าค่าก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสิบๆ เท่า ทิ้งไว้แต่คนที่รอเข้าวัด กับตัวเลข คนเป็นโรคนั้นโรคนี้มากขึ้น ในวารสารของ อนามัยโลก วันนั้น เราเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะโหยหา หลวงพ่อนิพนธ์ ให้นำวิชาของแม่ชีเมี้ยนมาช่วย แต่จะมีวันนั้นหรือ ในเมื่อวันนี้ ที่แห่งนั้น คนไทยในแผ่นดินนี้ ยังตีราคาต่ำกว่า หมี หมาเลย ไม่เคยเหลียวแล และปกป้องสิ่งดีๆไว้คู่บ้านคู่เมือง เราได้แต่หวังว่า สิ่งดีๆ อย่างนี้ ต้องมีคนปกป้องและเกื้อกูล ให้ท้าทายสิ่งจอมปลอมที่หลอกสูบเลือดคนไทย อยู่ทุกวันนี้อย่างแน่นอน เพราะนี่คือ "เมตตาธรรม" ที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ทดแทนคุณแผ่นดิน
บทพิสูจน์ ในการกอบกู้ชีวิตมนุษย์ ที่แม่ชีเมี้ยนตรัสไว้ว่า ชีวิตมนุษย์มีค่าสูงสุดในโลก หาใช่วัตถุใดๆ ที่สร้างขึ้นมาไม่ การกอบกู้ชีวิต จึงไม่สามารถเอาราคามาตีค่าได้ "สิงที่กอบกู้มนุษย์จากโรค มีเพียงสมุนไพร ที่ไม่มีราคา สิ่งที่กอบกู้มนุษย์จากกรรม มีเพียงธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ไม่มีราคา เท่านั้น" วิธีหรือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างแน่นอน ทำไมเราไม่เชื่อผู้ไม่มีกิเลส คือพระพุทธเจ้า แต่ดันไปเชื่อหมอ เชื่อฝรั่ง ที่คิดจะหลอกเอาเงิน ถ้าพวกเขายังมีจิตวิญญาณความเป็นคน เอาความจริงมาพูดกัน ว่าวิชาการปัจจุบันล้มเหลวใช่หรือไม่ ตัวเลขผู้ป่วยทุกโรคจึงเพิ่มขึ้น ถ้าท่านรักษาได้ ตัวเลขมันจะประจานท่านอยู่ทุกวันนี้หรือ
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ทรัพย์สินที่เราทำมาทั้งชีวิต ควรมอบให้ลูกหลาน ไม่ใช่จ่ายเป็นค่ายา ค่ารักษา พูดง่ายๆ ก็ยกให้ฝรั่งไปหมด จนบางทีต้องเป็นหนี้ ให้ลูกหลานเดือดร้อนอีก เอ้า..บ่นเข้าไป กินยาผิดหรือปล่าว สงสัยวอนพวกค้ายาสั่งเก็บซะแล้วเรา ..... ไม่ต้องตกใจหรอกพวกท่าน เพราะวิธีที่ถูก คนเขาไม่นิยมสักเท่าใดหรอก สู้ไปกินยาฉีดยาของท่านไม่ได้หรอก หายปุ๊บ หยุดปั๊บ วันหน้าจะเป็นไรช่างมัน จริงน่ะ อย่างไรก็สู้ยาของท่านไม่ได้หรอก ท่านยังสูบเลือดคนไทยได้อีกมหาศาล นานเท่านาน ขอให้รวย แต่อย่าให้กรรมมาถึง เพราะให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว น่ะหมอ น่ะฝรั่ง น่ะนายจ๊า
สิ่งสุดท้าย วันหนึ่งเสือตัวนี้ จะติดปีก เสียดายก็แต่ ปีกที่มา ดันมาจากคนอื่นไม่ใช่คนไทย ก็เท่านั้นเอง ..... ดันมาจากคนที่ผลิตยา ผลิตตำราหมอ มาให้เราซะอีก เจ็บกระดองใจ ก็เพราะเขารักคนของเขานั่นเอง ขายหน้าไหม..
ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554
คุณค่าสมุนไพรที่คนไทยมองข้าม สมุนไพรแม่ชีเมี้ยน
การรักษายาเสพติด เริ่มเปิดฉาก ปัญหาใหญ่ที่กำลังตามมา คือปริมาณสมุนไพรสำหรับคนที่จะหลั่งไหลมาในอนาคต ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน จนทำให้ต้องปิดหลายครั้งเมื่อมีคนมากจนรับไม่ไหว มา ณ วันนี้ เหมือนฟ้าประทาน เพราะได้มีกลุ่มคนที่มีความสามารถในการจัดหาสมุนไพร ได้ทั้งจำนวนและราคาไม่แพง ได้ทราบเรื่องราวและกำลังพิสูจน์ หลักของแม่ชีเมี้ยน โดยมีเดิมพัน คือ ชีวิตของเขาและคณะ ที่ไม่ประสพผลทางการแพทย์ หลังจากตระเวณไปทั่วโลก นั่นคือ คณะของท่าน "ติง ส่วย" ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของพม่า
จึงเกิดเดิมพันที่หลวงพ่อนิพนธ์ ต้องแสดงให้เห็นคุณค่าของสมุนไพร ในการรักษาคณะของพวกเขา แลกกับการเปิดทาง และสนับสนุนการรักษาด้วยสมุนไพร มีกำหนดสิบวัน คณะของท่านจะเดินทางมา เพื่อใช้สมุนไพรเป็นทางเลือก เรียกได้ว่า อนาคตของมูลนิธิไทยกรุณา ขึ้นกับสิบวันนี้ก็เป็นได้ เมื่อสำเร็จ เราจะมีแหล่งสมุนไพรมาป้อนอย่างต่อเนื่อง และพอเพียงในอนาคต สิ่งที่แม่ชีเมี้ยน ทิ้งไว้ให้ เพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดิน ในการมอบตำราสมุนไพร ให้เพื่อเป็นทางเลือกแก่มนุษย์บางจำพวก ในการรักษาตนเอง ไม่ว่าโรคทั่่วไป ยาเสพติด หรือแม้กระทั่งเอดส์ ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ยืนยันมาตลอด คือ การบังเกิดของพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ในเร็ววันนี้ ท่านจึงกล่าวย้ำว่า แม่ชีเมี้ยนตรัสไว้ว่า สมุนไพรเป็นธรรมหมวดหนึ่งของพระพุทธเจ้า นั่นคือหมวด "ตนพึ่งตน" ผู้ใดทำได้ จนสำเร็จการหายโรค ย่อมหมายถึง มีคุณสมบัติรองรับธรรมของพระพุทธเจ้าที่จะมาอุบัติได้โดยง่าย ท่านจึงกล่าวว่า "จะมาทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยน้อมเอาธรรมบางประการไปปฎิบัติ จึงจะสำฤทธิ์ผล ดังนั้น ผลสำเร็จ จึงขึ้นกับผู้ทาน ว่าจะเรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติหรือไม่ ผู้ใดทำได้ ตามแม่ชีเมี้ยนสอน ย่อมประสพผล อย่างแน่นอน ท่านเป็นเพียง ผู้สอน และจัดหาวัตถุดิบสมุนไพรให้เท่านั้น มิใช่หมอ จะเรียกท่านว่า คุณ หลวงพ่อ หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณค่าอยู่ที่สมุนไพร และแม่ชีเมี้ยน ที่ต้องยอมรับ มิใช่ตัวท่าน ถ้าเข้าใจเหตุผลนี้ ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้นั้น"
มีผู้คนมากมายอยากได้สูตร หรือมาลักขโมยสูตรสมุนไพรไป ท่านบอกว่า ท่านไม่ได้หวงสูตร แต่สูตรนี้เป็นของฟ้าดิน แม้แต่แม่ชีเมี้ยน หรือผู้เรียน ต้องสาบานว่าจะไม่นำไปขาย ดังนั้น ผู้ที่จะทำสมุนไพรสูตรนี้ จึงต้องมีคุณธรรม มิฉะนั้นก็จะเหมือนท่านจรูญ ท่านเจริญ พี่ชายท่าน ที่เก็บค่ารักษายาเสพติด ท้ายที่สุด ก็ย้อนเข้าตน ตายด้วยโรคทั้งสองคน รวมถึง พระที่แตกตัวจากถ้ำกระบอก 7 สำนัก ก็ตายด้วยโรคทั้งสิ้น ทั้งที่มีตำราสมุนไพรอยู่ ดังนั้น วันใดที่ท่านสามารถทำให้สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนเป็นที่ประจักษ์ยอมรับไปทั่วโลก ท่านก็จะเปิดรับสมัครผู้มีใจ และเปิดสอนให้เป็นทาน รวมทั้งบรรจุไปเป็นยาตำรับหลวงประจำบ้าน ให้หลวงแจกฟรี ในส่วนที่จำเป็นต้องมีติดบ้าน คุณธรรมที่ใช้ในการรักษาคุณค่าของสมุนไพร คือ ทำให้เป็นทาน ทำได้ยาก และหาผู้เสียสละได้ยาก จนกว่าจะเป็นที่ยอมรับ เราเชื่อว่า เมื่อถึงวันนั้น คงมีผู้เดินตามรอยท่าน และมั่นใจได้ว่า การเสียสละและทำให้เป็นทาน สามารถมีชีวิตดำรงอยู่ได้ การขายจะทำให้เสื่อม นั่นคือคำตอบ และเหตุผลที่สูตรเดียวกัน ที่ถ้ำกระบอก หรือ ผู้ลักทำ จึงไม่ได้ผล ไม่ใช่เพราะหวงวิชา แต่เพราะเขาเหล่านั้นขาดคุณธรรม ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติในสมุนไพรหายไปนั่นเอง "ชีวิตมนุษย์มีค่ามากที่สุดในโลก สิ่งที่มากู้ชีวิต ตีราคาเท่าใด ก็ไร้คุณค่า สิ่งที่ไร้ราคา จึงมีคุณอนันต์ เฉกเช่นธรรมที่สอนสั่งสาวก ไร้รูปี มีคุณพาถึงนิพพานนั่นแล"
ในขณะที่รัฐบาลที่ผ่านๆ มา เฉยเมินกับสิ่งนี้ สิงคโปร์ เสนอ พลเมืองพิเศษ มาเลเซียเสนอ จัดโซนพิเศษ ลาวเสนอพื้นที่ ตรงไหนก็ได้ตามต้องการ พม่าเสนอสมุนไพร และจัดตั้งศูนย์อย่างนี้ในประเทศของเขา ฟิลิปปินส์ โดยมูลนิธิแมกไซไซ เสนอการสนับสนุนแลกกับการส่งคนมา ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์ปฏิเสธ เพราะคำแม่ชีเมี้ยน ให้ทดแทนแผ่นดินเกิด ส่วนประเทศอื่น ท่านจะช่วยเมื่อมีความพร้อม เป็นเรื่องแปลกแต่จริง เพราะเราคิดเสมอว่าคนไทยมีน้ำใจ สิ่งที่เราได้ยินคือ การแจ้งเตือนว่า การรับคนเข้าพำนักรักษา มีความผิด ทั้งปรับ ทั้งจำ จากสาธารณสุขแห่งประเทศสยามนี้ ตลกเศร้า
ในความคิดเรา บทสรุปของการรักษาด้วยตนเองตามแนวทางแม่ชีเมี้ยน ที่หลวงพ่อนิพนธ์ นำมา กล่าวสั้นๆ คือ ไม่สนอดีตว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อมาทานสมุนไพร จะให้ได้ผล ต้องเอาธรรมของพระพุทธเจ้า มาปรับตนเองให้เป็นคนดีให้ได้ ผลแพ้ชนะ จึงขึ้นกับนิสัยนั่นเอง ตัวอย่างที่เราเห็น ยกมาให้พิจารณา อาทิเช่น กรณี คุณปรียานุช หลวงพ่อท่านบอกว่า วิธีการแก้ ก็เปลี่ยนนิสัย ที่ใช้ผู้อื่น ว่าผู้อื่น มาเป็นทำให้ผู้อื่นไม่ว่าผู้อื่น เราจึงเห็นห้องน้ำที่คุณนุชสร้างขึ้น และทุกวันพุธและวันเสาร์ คุณนุชจะมาทำความสะอาด ฉีดสเปรย์ จัดพื้นที่ และไปหัดเล่นดนตรีไทย มาเล่นให้คนไข้ฟัง เราเห็นคนไข้มะเร็งสมอง ที่หมอไม่รับรักษา มาช่วยทำสมุนไพร หลังจากทานสมุนไพรมานาน ก็ได้แค่ทรง เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาช่วยงาน จนปัจจุบัน ก้อนเนื้อฝ่อลง อยู่มาจนทุกวันนี้ เราเห็นลุงติ๊ก เจ้าหน้าที่อายุเลย 70 ปี ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และอื่นๆ หมอวินิจฉัยว่าอยู่อีกไม่เกินสามเดือน มาอุทิศตนช่วยงานในมูลนิธิฯ ก็อยู่มาจนทุกวันนี้ เกือบสี่ปีแล้ว เราเห็น คุณแตน ผู้เป็นมะเร็งปอด ทานสมุนไพร ก็ได้แต่ทรงๆ จึงมีเจ้าหน้าที่ชวนให้ไปเป็นอาสาเก็บใบยา ในขณะที่คนข้างบ้านว่าบ้า เพราะเหลือแค่ปอดข้างเดียว อยู่มาห้าปี จนบัดนี้ ทุกปีต้องไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช สร้างความประหลาดใจแก่หมอ จนพูดติดตลกว่ายังขึ้นบันไดมาหาหมอไหวเหรอ เพื่อนรุ่นเดียวกันไปหมดแล้ว เราไม่เคยได้ยินว่า ผู้ที่มาทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว โดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ประสพผลในแนวทางนี้ จึงไม่แปลกใจที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ถ้ามือปืนอำมหิต เป็นโรคมาหาเรา ถ้าเขาจะหาย ก็ต้องเปลี่ยนเป็นคนดี สมุนไพรคงไม่รักษาให้เขาหายกลับไปฆ่าใครได้อีก เป็นแน่แท้ ใครไม่เชื่อ เราเชื่อ ผู้ที่จะประสพผล ต้องผ่านด่านมากมาย ทั้งความลำบากในการมา การต้องทนฟัง ทนสวดมนต์ และทนเสียงคนรอบข้าง ทนอากาศร้อน ทน.... หลวงพ่อบอกว่า เราต้องทน เพราะนั่นเป็นกรรมของเรา ใครทนได้ ยืนระยะได้ ทำใจได้ ผู้นั้นคือผู้ประสพผล ซึ่งคงมีแต่ก็คงไม่มากนัก เพราะแนวทางนี้ ทำได้ยาก แต่ผลที่ได้มหาศาล
ตัวอย่างล่าสุด ที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมาแสดง คือ คุณปอ คนไข้สาวอายุวัยสามสิบ ทำงานเลี้ยงแม่ ประสพปัญหามะเร็งลำไส้ มาทานสมุนไพรได้ระยะหนึ่ง จนปรากฎอาการไม่ถ่าย กว่าเดือน มีอาการปวดตลอด 24 ช.ม. จึงได้ให้แพทย์วินิจฉัย แพทย์ระบุเป็นมะเร็งลำไส้ ระยะสุดท้าย ต้องทำการผ่าตัด และนำไส้ไว้ด้านนอก จากนั้นก็เข้าคอร์สคีโมฉายแสง เนื่องด้วยความที่ไม่มีเงิน ถ้าดำเนินการตามนั้น ก็ไม่สามารถหาเลี้ยงแม่ได้ จึงตัดสินใจบอกหลวงพ่อนิพนธ์ว่า จะทดลองเข้าคอร์สของท่าน โดยไม่ทำการผ่าตัด ถ้าเสียชีวิตก็ไม่ว่า ท่านจึงให้มาพักที่มูลนิธิฯ และจัดยาสมุนไพรให้ หลังจากนั้นสามวัน ก็สามารถถ่าย และเริ่มมีอาการปวดน้อยลง จนปัจจุบัน ถ่ายทุกสามวัน และเริ่มฟื้นตัว สามารถไปทำงาน และอาสามาช่วยมูลนิธิทุกวันพฤหัส และอาทิตย์ ในแผนกของคนไข้ระหว่างทดลองทาน หรือที่เรียกกันว่า คนไข้บัตรส้ม สิ่งนี้ย่อมพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจนว่า ธรรมชาติของร่างกายเมื่อได้รับสมุนไพร สามารถแก้ไขปัญหาตัวเองได้ ใช่หรือไม่ หากมีเวลาแวะไปมูลนิธิฯ ลองเข้าไปคุยกับเธอ ก็คงได้อะไรดีๆกลับบ้านพอสมควร เพราะนี่แหละตัวอย่างที่ดีของผู้เชื่อมั่นสมุนไพร สามารถทำในสิ่งที่แพทย์ทั้งโลกทำไม่ได้ เธอคือตัวอย่างของการใช้หลัก "ตนพึ่งตน" เป็นแนวทางที่ควรเดินตาม ...... สิ่งที่เราอยากย้ำคือ สมุนไพรชอบคนดี คำถามแรกถ้าคิดจะเดินแนวทางนี้ คือ ถ้าท่านได้กำลังคืนมา จะนำไปทำอะไร ดูตัวอย่างแล้วก็คงรู้ว่า คนรอดเขาทำกันอย่างไร
คนไข้อีกท่านที่เราอยากยกมา คือ คุณหยุง ถ้าเราเข้าไปที่มูลนิธิฯ จะเห็นผู้หญิงที่ชงกาแฟร้อนขายตอนเช้า และขายน้ำตอนสายๆ ดูก็เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป ท่านนี้ มีปัญหามะเร็งมดลูกระยะสุดท้าย ด้วยความรักที่ลูกชายมีต่อแม่ จึงมุ่งมั่นไปเรียนแพทย์ และเมื่อเรียนสำเร็จก็ปลงตก เพราะรู้ว่าไม่สามารถช่วยแม่ได้ เนื่องด้วยมีบ้านไม่ไกลจากมูลนิธิฯ นัก ได้ทราบข่าวก็มาทดลอง สิ่งที่ลูกชายหวังก็เป็นจริง แม่เขายังอยู่มาจนทุกวันนี้ หลังผ่านมาสิบปี ด้วยความแข็งแรง ลูกชายจึงมาเป็นกำลังให้มูลนิธิฯ อีกคน โดยรับหน้าที่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องใช้เครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลช่วย คนทั่วไปเชื่อมั่นในตัวลูกชายเขา ในฐานะ ผ.อ.ของโรงพยาบาลรัฐ แต่เขากลับศรัทธาในหลวงพ่อนิพนธ์ และแนวทางแม่ชีเมี้ยน ตัวอย่างนี้คงบอกอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย ในการเลือกที่จะวางชีวิตไว้
จึงเกิดเดิมพันที่หลวงพ่อนิพนธ์ ต้องแสดงให้เห็นคุณค่าของสมุนไพร ในการรักษาคณะของพวกเขา แลกกับการเปิดทาง และสนับสนุนการรักษาด้วยสมุนไพร มีกำหนดสิบวัน คณะของท่านจะเดินทางมา เพื่อใช้สมุนไพรเป็นทางเลือก เรียกได้ว่า อนาคตของมูลนิธิไทยกรุณา ขึ้นกับสิบวันนี้ก็เป็นได้ เมื่อสำเร็จ เราจะมีแหล่งสมุนไพรมาป้อนอย่างต่อเนื่อง และพอเพียงในอนาคต สิ่งที่แม่ชีเมี้ยน ทิ้งไว้ให้ เพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดิน ในการมอบตำราสมุนไพร ให้เพื่อเป็นทางเลือกแก่มนุษย์บางจำพวก ในการรักษาตนเอง ไม่ว่าโรคทั่่วไป ยาเสพติด หรือแม้กระทั่งเอดส์ ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ยืนยันมาตลอด คือ การบังเกิดของพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ในเร็ววันนี้ ท่านจึงกล่าวย้ำว่า แม่ชีเมี้ยนตรัสไว้ว่า สมุนไพรเป็นธรรมหมวดหนึ่งของพระพุทธเจ้า นั่นคือหมวด "ตนพึ่งตน" ผู้ใดทำได้ จนสำเร็จการหายโรค ย่อมหมายถึง มีคุณสมบัติรองรับธรรมของพระพุทธเจ้าที่จะมาอุบัติได้โดยง่าย ท่านจึงกล่าวว่า "จะมาทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยน้อมเอาธรรมบางประการไปปฎิบัติ จึงจะสำฤทธิ์ผล ดังนั้น ผลสำเร็จ จึงขึ้นกับผู้ทาน ว่าจะเรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติหรือไม่ ผู้ใดทำได้ ตามแม่ชีเมี้ยนสอน ย่อมประสพผล อย่างแน่นอน ท่านเป็นเพียง ผู้สอน และจัดหาวัตถุดิบสมุนไพรให้เท่านั้น มิใช่หมอ จะเรียกท่านว่า คุณ หลวงพ่อ หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณค่าอยู่ที่สมุนไพร และแม่ชีเมี้ยน ที่ต้องยอมรับ มิใช่ตัวท่าน ถ้าเข้าใจเหตุผลนี้ ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้นั้น"
มีผู้คนมากมายอยากได้สูตร หรือมาลักขโมยสูตรสมุนไพรไป ท่านบอกว่า ท่านไม่ได้หวงสูตร แต่สูตรนี้เป็นของฟ้าดิน แม้แต่แม่ชีเมี้ยน หรือผู้เรียน ต้องสาบานว่าจะไม่นำไปขาย ดังนั้น ผู้ที่จะทำสมุนไพรสูตรนี้ จึงต้องมีคุณธรรม มิฉะนั้นก็จะเหมือนท่านจรูญ ท่านเจริญ พี่ชายท่าน ที่เก็บค่ารักษายาเสพติด ท้ายที่สุด ก็ย้อนเข้าตน ตายด้วยโรคทั้งสองคน รวมถึง พระที่แตกตัวจากถ้ำกระบอก 7 สำนัก ก็ตายด้วยโรคทั้งสิ้น ทั้งที่มีตำราสมุนไพรอยู่ ดังนั้น วันใดที่ท่านสามารถทำให้สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนเป็นที่ประจักษ์ยอมรับไปทั่วโลก ท่านก็จะเปิดรับสมัครผู้มีใจ และเปิดสอนให้เป็นทาน รวมทั้งบรรจุไปเป็นยาตำรับหลวงประจำบ้าน ให้หลวงแจกฟรี ในส่วนที่จำเป็นต้องมีติดบ้าน คุณธรรมที่ใช้ในการรักษาคุณค่าของสมุนไพร คือ ทำให้เป็นทาน ทำได้ยาก และหาผู้เสียสละได้ยาก จนกว่าจะเป็นที่ยอมรับ เราเชื่อว่า เมื่อถึงวันนั้น คงมีผู้เดินตามรอยท่าน และมั่นใจได้ว่า การเสียสละและทำให้เป็นทาน สามารถมีชีวิตดำรงอยู่ได้ การขายจะทำให้เสื่อม นั่นคือคำตอบ และเหตุผลที่สูตรเดียวกัน ที่ถ้ำกระบอก หรือ ผู้ลักทำ จึงไม่ได้ผล ไม่ใช่เพราะหวงวิชา แต่เพราะเขาเหล่านั้นขาดคุณธรรม ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติในสมุนไพรหายไปนั่นเอง "ชีวิตมนุษย์มีค่ามากที่สุดในโลก สิ่งที่มากู้ชีวิต ตีราคาเท่าใด ก็ไร้คุณค่า สิ่งที่ไร้ราคา จึงมีคุณอนันต์ เฉกเช่นธรรมที่สอนสั่งสาวก ไร้รูปี มีคุณพาถึงนิพพานนั่นแล"
ในขณะที่รัฐบาลที่ผ่านๆ มา เฉยเมินกับสิ่งนี้ สิงคโปร์ เสนอ พลเมืองพิเศษ มาเลเซียเสนอ จัดโซนพิเศษ ลาวเสนอพื้นที่ ตรงไหนก็ได้ตามต้องการ พม่าเสนอสมุนไพร และจัดตั้งศูนย์อย่างนี้ในประเทศของเขา ฟิลิปปินส์ โดยมูลนิธิแมกไซไซ เสนอการสนับสนุนแลกกับการส่งคนมา ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์ปฏิเสธ เพราะคำแม่ชีเมี้ยน ให้ทดแทนแผ่นดินเกิด ส่วนประเทศอื่น ท่านจะช่วยเมื่อมีความพร้อม เป็นเรื่องแปลกแต่จริง เพราะเราคิดเสมอว่าคนไทยมีน้ำใจ สิ่งที่เราได้ยินคือ การแจ้งเตือนว่า การรับคนเข้าพำนักรักษา มีความผิด ทั้งปรับ ทั้งจำ จากสาธารณสุขแห่งประเทศสยามนี้ ตลกเศร้า
ในความคิดเรา บทสรุปของการรักษาด้วยตนเองตามแนวทางแม่ชีเมี้ยน ที่หลวงพ่อนิพนธ์ นำมา กล่าวสั้นๆ คือ ไม่สนอดีตว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อมาทานสมุนไพร จะให้ได้ผล ต้องเอาธรรมของพระพุทธเจ้า มาปรับตนเองให้เป็นคนดีให้ได้ ผลแพ้ชนะ จึงขึ้นกับนิสัยนั่นเอง ตัวอย่างที่เราเห็น ยกมาให้พิจารณา อาทิเช่น กรณี คุณปรียานุช หลวงพ่อท่านบอกว่า วิธีการแก้ ก็เปลี่ยนนิสัย ที่ใช้ผู้อื่น ว่าผู้อื่น มาเป็นทำให้ผู้อื่นไม่ว่าผู้อื่น เราจึงเห็นห้องน้ำที่คุณนุชสร้างขึ้น และทุกวันพุธและวันเสาร์ คุณนุชจะมาทำความสะอาด ฉีดสเปรย์ จัดพื้นที่ และไปหัดเล่นดนตรีไทย มาเล่นให้คนไข้ฟัง เราเห็นคนไข้มะเร็งสมอง ที่หมอไม่รับรักษา มาช่วยทำสมุนไพร หลังจากทานสมุนไพรมานาน ก็ได้แค่ทรง เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาช่วยงาน จนปัจจุบัน ก้อนเนื้อฝ่อลง อยู่มาจนทุกวันนี้ เราเห็นลุงติ๊ก เจ้าหน้าที่อายุเลย 70 ปี ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และอื่นๆ หมอวินิจฉัยว่าอยู่อีกไม่เกินสามเดือน มาอุทิศตนช่วยงานในมูลนิธิฯ ก็อยู่มาจนทุกวันนี้ เกือบสี่ปีแล้ว เราเห็น คุณแตน ผู้เป็นมะเร็งปอด ทานสมุนไพร ก็ได้แต่ทรงๆ จึงมีเจ้าหน้าที่ชวนให้ไปเป็นอาสาเก็บใบยา ในขณะที่คนข้างบ้านว่าบ้า เพราะเหลือแค่ปอดข้างเดียว อยู่มาห้าปี จนบัดนี้ ทุกปีต้องไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช สร้างความประหลาดใจแก่หมอ จนพูดติดตลกว่ายังขึ้นบันไดมาหาหมอไหวเหรอ เพื่อนรุ่นเดียวกันไปหมดแล้ว เราไม่เคยได้ยินว่า ผู้ที่มาทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว โดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ประสพผลในแนวทางนี้ จึงไม่แปลกใจที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ถ้ามือปืนอำมหิต เป็นโรคมาหาเรา ถ้าเขาจะหาย ก็ต้องเปลี่ยนเป็นคนดี สมุนไพรคงไม่รักษาให้เขาหายกลับไปฆ่าใครได้อีก เป็นแน่แท้ ใครไม่เชื่อ เราเชื่อ ผู้ที่จะประสพผล ต้องผ่านด่านมากมาย ทั้งความลำบากในการมา การต้องทนฟัง ทนสวดมนต์ และทนเสียงคนรอบข้าง ทนอากาศร้อน ทน.... หลวงพ่อบอกว่า เราต้องทน เพราะนั่นเป็นกรรมของเรา ใครทนได้ ยืนระยะได้ ทำใจได้ ผู้นั้นคือผู้ประสพผล ซึ่งคงมีแต่ก็คงไม่มากนัก เพราะแนวทางนี้ ทำได้ยาก แต่ผลที่ได้มหาศาล
ตัวอย่างล่าสุด ที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมาแสดง คือ คุณปอ คนไข้สาวอายุวัยสามสิบ ทำงานเลี้ยงแม่ ประสพปัญหามะเร็งลำไส้ มาทานสมุนไพรได้ระยะหนึ่ง จนปรากฎอาการไม่ถ่าย กว่าเดือน มีอาการปวดตลอด 24 ช.ม. จึงได้ให้แพทย์วินิจฉัย แพทย์ระบุเป็นมะเร็งลำไส้ ระยะสุดท้าย ต้องทำการผ่าตัด และนำไส้ไว้ด้านนอก จากนั้นก็เข้าคอร์สคีโมฉายแสง เนื่องด้วยความที่ไม่มีเงิน ถ้าดำเนินการตามนั้น ก็ไม่สามารถหาเลี้ยงแม่ได้ จึงตัดสินใจบอกหลวงพ่อนิพนธ์ว่า จะทดลองเข้าคอร์สของท่าน โดยไม่ทำการผ่าตัด ถ้าเสียชีวิตก็ไม่ว่า ท่านจึงให้มาพักที่มูลนิธิฯ และจัดยาสมุนไพรให้ หลังจากนั้นสามวัน ก็สามารถถ่าย และเริ่มมีอาการปวดน้อยลง จนปัจจุบัน ถ่ายทุกสามวัน และเริ่มฟื้นตัว สามารถไปทำงาน และอาสามาช่วยมูลนิธิทุกวันพฤหัส และอาทิตย์ ในแผนกของคนไข้ระหว่างทดลองทาน หรือที่เรียกกันว่า คนไข้บัตรส้ม สิ่งนี้ย่อมพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจนว่า ธรรมชาติของร่างกายเมื่อได้รับสมุนไพร สามารถแก้ไขปัญหาตัวเองได้ ใช่หรือไม่ หากมีเวลาแวะไปมูลนิธิฯ ลองเข้าไปคุยกับเธอ ก็คงได้อะไรดีๆกลับบ้านพอสมควร เพราะนี่แหละตัวอย่างที่ดีของผู้เชื่อมั่นสมุนไพร สามารถทำในสิ่งที่แพทย์ทั้งโลกทำไม่ได้ เธอคือตัวอย่างของการใช้หลัก "ตนพึ่งตน" เป็นแนวทางที่ควรเดินตาม ...... สิ่งที่เราอยากย้ำคือ สมุนไพรชอบคนดี คำถามแรกถ้าคิดจะเดินแนวทางนี้ คือ ถ้าท่านได้กำลังคืนมา จะนำไปทำอะไร ดูตัวอย่างแล้วก็คงรู้ว่า คนรอดเขาทำกันอย่างไร
คนไข้อีกท่านที่เราอยากยกมา คือ คุณหยุง ถ้าเราเข้าไปที่มูลนิธิฯ จะเห็นผู้หญิงที่ชงกาแฟร้อนขายตอนเช้า และขายน้ำตอนสายๆ ดูก็เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป ท่านนี้ มีปัญหามะเร็งมดลูกระยะสุดท้าย ด้วยความรักที่ลูกชายมีต่อแม่ จึงมุ่งมั่นไปเรียนแพทย์ และเมื่อเรียนสำเร็จก็ปลงตก เพราะรู้ว่าไม่สามารถช่วยแม่ได้ เนื่องด้วยมีบ้านไม่ไกลจากมูลนิธิฯ นัก ได้ทราบข่าวก็มาทดลอง สิ่งที่ลูกชายหวังก็เป็นจริง แม่เขายังอยู่มาจนทุกวันนี้ หลังผ่านมาสิบปี ด้วยความแข็งแรง ลูกชายจึงมาเป็นกำลังให้มูลนิธิฯ อีกคน โดยรับหน้าที่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องใช้เครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลช่วย คนทั่วไปเชื่อมั่นในตัวลูกชายเขา ในฐานะ ผ.อ.ของโรงพยาบาลรัฐ แต่เขากลับศรัทธาในหลวงพ่อนิพนธ์ และแนวทางแม่ชีเมี้ยน ตัวอย่างนี้คงบอกอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย ในการเลือกที่จะวางชีวิตไว้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)